คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าคำร้องขอของจำเลยเป็นคำขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 208 หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้องขอของจำเลยกล่าวเพียงว่าจำเลยมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดี มีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ตามสัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้เอาที่ดินที่จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำบังคับของศาลโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำนองเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการพิจารณาและการบังคับคดีแล้วดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 โดยอ้างว่าการพิจารณาผิดระเบียบมาตั้งแต่ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแก่จำเลยทั้งสองแล้วเพราะจำเลยทั้งสองมิได้มีภูมิลำเนาตามฟ้อง จึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามำีกาของจำเลยทั้งสองมีว่าคำร้องของจำเลยทั้งสอง ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2527 เป็นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208หรือไม่ ปัญหานี้แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นเพราะจำเลยทั้งสองถือว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27ตลอดมาจนชั้นอุทธรณ์ แต่ก็เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และศาลอุทธรณ์ได้ยกขึ้นวินิจฉัยเองแล้ว คู่ความจึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อนี้ได้
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคำร้องขอของจำเลยทั้งสองที่กล่าวไว้ในข้อ 4 วรรคสองว่า “จำเลยที่ 1, 2 มีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดีมีทางชนะคดีของโจทก์ได้” นั้นเป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำติดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น เพราะมิได้โต้แย้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบประการใดเพราะเหตุใดและเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงสนับสนุนให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า หากให้มีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิจารณาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิจารณาไปแล้วซึ่งจะเป็นผลให้จำเลยทั้งสองชนะคดีได้ คำร้องขอของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอของจำเลยทั้งสองเสียนั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share