คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ในระหว่างที่จำเลยกำลังถูกดำเนินคดีอาญา “…บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด…” และยังมีข้อความที่จำเลยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วยนั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มก็เพื่อที่จะขอให้โจทก์ระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้ว จำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ยังยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จความยินยอมชำระภาษีอากรที่ขาดจึงยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีอากร จำนวน 41,102.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 800 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยมีเอกสารหมายจ.1 ถึงโจทก์เป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่ เห็นว่าการที่จำเลยมีเอกสารหมาย จ.1 ถึงโจทก์นั้นอยู่ในระหว่างที่จำเลยกำลังถูกดำเนินคดีอาญาตามที่โจทก์ได้ร้องทุกข์ไว้ในข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากรเกี่ยวกับสินค้าพิพาทนี้ ข้อความในเอกสารดังกล่าวที่ว่า “…บริษัทฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรมฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด…” และยังมีข้อความที่จำเลยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วย นั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วย นั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ก็เพื่อที่จะขอให้โจทก์ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้ว จำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าโจทก์ยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปตามเอกสารหมาย จ.4 เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จ ความยินยอมชำระภาษีอากรที่ขาดจึงยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นจำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ตามบทบัญญัติมาตรา 192 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อเท็จจริงฟังได้ชัดว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงเป็นการชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share