แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 ทวิวรรคสาม.
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนถูกต้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอุทธรณ์เกี่ยวกับเช็คหมายเลข จ.2 และ จ.3ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 จึงไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวคงรับเป็นอุทธรณ์โจทก์เฉพาะที่เกี่ยวกับเช็คเอกสารหมาย จ.4
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นอ้าง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ที่เกี่ยวกับเช็คเอกสารหมาย จ.2 และ จ.3 นั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายแต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวนั้นชอบแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิวรรคสาม โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ต่อไป
พิพากษาฎีกาโจทก์”.