คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยตัดเอาแผ่นโลหะที่มีเลขหมายประจำแชชซี ของรถยนต์คันหนึ่งมาต่อเชื่อมแทนที่เลขหมายประจำแชชซี ของรถยนต์อีกคันหนึ่งซึ่งจำเลยตัดออก เป็นการนำหมายเลขแชชซี ประจำรถยนต์ที่แท้จริงไปติดกับรถยนต์คันอื่น โดยไม่มีการขูดลบแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวอักษรตัวเลขหมายประจำแชชซี แต่อย่างใด ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลอมเอกสารโดยตัดเอาแชชซีของรถยนต์คันสีแดงหมายเลขทะเบียน 5 ม-8188 ช่วงที่มีตัวอักษรตัวเลขเอ็น 620-304483อันเป็นเอกสารที่แท้จริงออกทิ้งแล้วตัดเอาแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าหมายเลขทะเบียน น. 0355 ช่วงที่มีตัวอักษรตัวเลขเอ็น 620-เอ 83682ออกแล้วนำไปต่อเชื่อมกับแชชซีของรถยนต์คันสีแดงในช่วงที่ตัดทิ้งไปดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่า จำเลยตัดเอาแผ่นโลหะที่มีเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าของเทศบาลเมืองสมุทรปราการมาต่อเชื่อมแทนที่เลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีแดงที่จำเลยตัดออกไปก็ตาม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้น จะต้องมีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่บางส่วนหรือกระทำให้ข้อความหรือความหมายในเอกสารที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไปในเรื่องนี้ได้ความว่าเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าของเทศบาลเมืองสมุทรปราการที่จำเลยนำมาต่อเชื่อมรถยนต์คันสีแดง เป็นหมายเลขประจำรถยนต์ที่แท้จริงแม้จะนำมาติดกับรถยนต์คันอื่น แต่ก็ไม่มีการขูดลบแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวอักษร ตัวเลขหมายประจำแชชซีแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารดังโจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share