คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องโดยใช้ชื่อผู้ร้องเป็นจำเลย จนศาลพิพากษาให้ผู้ร้องชำระหนี้แก่โจทก์ แต่ความจริงผู้ที่เป็นลูกหนี้โจทก์และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลคือน้องชายของผู้ร้องไม่ใช่ตัวผู้ร้อง การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของผู้ร้อง จึงเป็นการยึดทรัพย์สินของผู้อื่นมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ต้องถอนการยึด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลย

ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า ผู้ร้องไม่เคยถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล ความจริงผู้ถูกฟ้องคือนายจำเริญ มิใช่เจริญ แต่โจทก์มิได้ขอแก้ฟ้อง ศาลจึงหลงผิดพิพากษาให้นายเจริญซึ่งเป็นชื่อผู้ร้องชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด

โจทก์ให้การว่า นายเจริญผู้ร้องคือจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้อง เมื่อไม่ชำระหนี้โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินของนายเจริญได้ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องผิดตัว โจทก์นำยึดทรัพย์สินของนายเจริญผู้ร้องเป็นการยึดทรัพย์สินของผู้อื่นมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา มีคำสั่งให้ถอนการยึด

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องผิดตัว นายเจริญเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ พิพากษากลับให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่านายเจริญผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล ความจริงผู้ที่เป็นลูกหนี้คือนายจำเริญน้องชายนายเจริญผู้ร้อง แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายเจริญมิได้เป็นลูกหนี้และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของนายเจริญจึงเป็นการยึดทรัพย์สินผู้อื่นมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share