คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บ. ลูกจ้างของโจทก์ขับรถด้วยความประมาทชนขบวนรถไฟเป็นเหตุให้รถโจทก์และรถไฟเสียหาย ต่อมา บ. ถึงแก่กรรม โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ บ. ในฐานะทายาทโดยธรรมให้รับผิดในความเสียหายดังกล่าวได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599,1600และ มาตรา 1629 วรรคสอง และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างกับ บ. ลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8(5).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายบุญช่วยเป็นลูกจ้างของโจทก์ทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ นายบุญช่วยขับรถด้วยความประมาทชนเครื่องกั้นให้รถหยุดและชนขบวนรถไฟ ทำให้รถของโจทก์และขบวนรถไฟเสียหายโจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้การรถไฟฯ นายบุญช่วยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์แต่ไม่ชำระ ต่อมนายบุญช่วยถึงแก่กรรมจำเลยซึ่งเป็นภริยาและทายาทจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดเพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ และคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานพิพากษา ให้จำเลยในฐานะทายาทนายบุญช่วยชำระหนี้ให้โจทก์ 85,520.24 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…แม้จำเลยจะมิใช่ลูกจ้างของโจทก์โดยตรง แต่จำเลยเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายบุญช่วยผู้ตาย จึงเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 วรรคสอง, 1599, 1600โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย และตามฟ้องคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมรับผิดในหนี้สินที่โจทก์ได้รับความเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ผู้เป็นนายจ้างและนายบุญช่วยผู้ตายซึ่งเป็นลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน อันเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 8(5) ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้…”
พิพากษายืน.

Share