คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4906/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนทำลายสัญญากู้ยืมและสัญญาจำนองระหว่างโจทก์และจำเลย อ้างว่าสัญญากู้ยืมเป็นโมฆะ เนื่องจากจำเลยทำสัญญาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม โดยข้ออ้างนี้จำเลยอ้างเป็นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วดังนั้น หากข้อเท็จจริงได้ความว่าสัญญากู้ยืมเป็นโมฆะตามที่จำเลยยกขึ้นอ้าง ศาลก็ย่อมนำมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์อยู่แล้ว จำเลยหาจำต้องฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนทำลายแต่ประการใดไม่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,609,269.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ25 ต่อปี จากต้นเงิน 1,183,834.78 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด และหากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนเป็นเอกสารปลอม และหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีได้ทันทีในกรณีผิดนัดโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นโมฆะ หากจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยก็ไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี การที่จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นการทำไปโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง และขอให้เพิกถอนนิติกรรมการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยรวมทั้งสัญญาจำนองด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นเห็นว่า หากทางพิจารณาได้ความจริงตามที่จำเลยต่อสู้สัญญาดังกล่าวก็ไม่มีผลบังคับไม่จำต้องฟ้องแย้งโดยมีคำขอดังกล่าวจึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่า พึงรับคำฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาหรือไม่เห็นว่า จำเลยฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนทำลายสัญญากู้ยืมและสัญญาจำนองระหว่างโจทก์และจำเลย อ้างว่าสัญญากู้ยืมเป็นโมฆะ เนื่องจากจำเลยทำสัญญาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม โดยข้ออ้างเช่นนี้จำเลยอ้างเป็นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วดังนี้ หากข้อเท็จจริงได้ความว่าสัญญากู้ยืมเป็นโมฆะตามที่จำเลยยกขึ้นอ้างดังกล่าวศาลก็ย่อมนำมาเป็นเหตุยกฟ้องของโจทก์อยู่แล้ว โดยจำเลยหาจำต้องฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนทำลายแต่ประการใดไม่ ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share