คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5997/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา โดยมีคำขอในเหตุฉุกเฉินตาม ป.วิ.พ. มาตรา254,266 จะต้องเป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดที่พิพาทกันในคดีได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีอ้างว่าผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยชี้ขาดเพียงว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาทด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ต่างหากจากคดีนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ในชั้นนี้ได้.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปและห้ามเกี่ยวข้อง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับแก่จำเลยและบริวาร
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทและมิใช่บริวารของจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า กรณีตามคำร้องถือว่าผู้ร้องโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ผู้ร้องจะต้องฟ้องเข้ามาเป็นคดีใหม่ จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยมีคำขอในเหตุฉุกเฉินว่าถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามคำร้องของผู้ร้องต่อไป ผู้ร้องมีหลักฐานและพยานบุคคลที่จะชนะคดีได แต่ปรากฏว่าขณะนี้โจทก์ได้ยื่นเรื่องราวขอออกโฉนดที่ดินโดยใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท โจทก์ตั้งใจจะขายหรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกโดยมีเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้ร้อง เป็นเหตุให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายได้ ทำให้ผู้ร้องไม่สามารถเรียกร้องที่ดินพิพาทได้หากผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในที่สุด จึงขอให้สั่งกำหนดให้มีวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาให้ระงับการทำนิติกรรมใด ๆ ในที่ดินพิพาทจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ให้มีคำสั่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน ห้ามมิให้ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินที่ผู้ร้องและโจทก์พิพาทกันต่อไป ห้ามมิให้เจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องทั้งสองฉบับของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา โดยมีคำขอในเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254, 266 จะต้องเป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดที่พิพาทกันในคดี ได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษา แต่คดีนี้เป็นกรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดี ซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยชี้ขาดเพียงว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาทด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ต่างหากจากคดีนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุที่จะให้ศาลนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษามาใช้ในชั้นนี้ได้”
พิพากษายืน.

Share