แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้มีหมายเรียก เพื่อทำการตรวจสอบไต่สวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ อ. สามีโจทก์ประจำปี พ.ศ. 2519 ถึง 2523 ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2524สามีโจทก์ถึงแก่กรรมเสียก่อนทำการไต่สวนเสร็จ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของ อ.ไปพบและทำการไต่สวน เมื่อผู้ถึงแก่ความตายต้องเสียภาษีผู้จัดการมรดกหรือทายาทเป็นผู้มีหน้าที่จัดการแทนผู้ตายตามป.รัษฎากร มาตรา 62 การที่เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการตรวจสอบไต่สวนโจทก์แทน อ. ผู้ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ลงชื่อในเอกสารโดยยอมสละประเด็นข้ออื่นที่ยกขึ้นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เพราะโจทก์เห็นว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ลดภาษีให้โจทก์ถึง 400,000บาทเศษ หาใช่โจทก์ลงชื่อเพราะถูกหลอกลวง อันจะเป็นเหตุให้เพิกถอนการประเมินได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกลงวันที่9 กันยายน 2524 มายังนายอนันต์ เพื่อทำการตรวจสอบไต่สวนการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปี พ.ศ. 2519-2523 ระหว่างการตรวจสอบไต่สวน นายอนันต์ ถึงแก่กรรมเมื่อเดือนพฤศจิกายน2524 เจ้าพนักงานประเมินจึงมีหนังสือเชิญโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอนันต์ ไปทำการไต่สวนและให้คำชี้แจงเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้ของนายอนันต์ และให้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอนันต์ ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มเติมเป็นเงินทั้งสิ้น 932,298.78 บาท โจทก์ได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทะรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วได้มีคำวินิจฉัยให้ลดภาษี โดยให้โจทก์เสียภาษีและเงินเพิ่มเพียง 403,425.91 บาท โจทก์เห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้กล่าวคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ถูกต้องในข้อใด ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์ยอมรับว่าโจทก์มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายอนันต์ เพียงแต่ขอปรับปรุงวิธีคำนวณเพื่อลดหย่อนภาษีลงเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของนายอนันต์ จึงต้องรับไปทั้งสิทธิหน้าที่ตลอดจนความารับผิดชอบของนายอนันต์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินเห็นว่า นายอนันต์ เสียภาษีไว้ไม่ถูกต้องย่อมมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ยื่นรายการไว้ แล้วแจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของนายอนันต์ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันฟังได้ว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้มีหมายเรียกลงวันที่ 19 มกราคม 2524 และ 9 กันยายน 2524 เพื่อทำการตรวจสอบไต่สวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายอนันต์ สามีโจทก์ประจำปีพ.ศ. 2519 ถึง 2523 ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2524 นายอนันต์ถึงแก่ความตายเสียโดยที่เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบไต่สวนยังไม่เสร็จ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของนายอนันต์ไปพบและทำการไต่สวนโจทก์เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายอนันต์ตามหมายเรียกข้างต้นแล้วแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบ คดีมีปัญหาว่าการประเมินโดยวิธีการดังกล่าวเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จะมิได้บัญญัติว่า เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้หมายเรียกไปยังผู้ยื่นรายการเพื่อเสียภาษีแล้วผู้นั้นถึงแก่ความตายเสียก่อนโดยเจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบไต่สวนยังไม่เสร็จ และแจ้งการประเมินไปให้ผู้นั้นทราบ เจ้าพนักงานประเมินจะดำเนินการต่อไปอย่างไรก็ตาม แต่เป็นที่เห็นได้ว่า ในกรณีที่ผู้ที่ถึงแก่ความตายต้องเสียภาษีผู้จัดการมรดกหรือทายาทเป็นผู้มีหน้าที่จัดการในเรื่องนี้แทนผู้ตายที่ถึงแก่ความตายดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 62 ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการตรวจสอบไต่สวนโจทก์แทนนายอนันต์ผู้ตาย แล้วแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่โจทก์ฎีกาว่า นางสาวรัตนาวดี เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ล่อลวงให้โจทก์ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.13 จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์ยอมสละประเด็นข้ออื่นที่ยกขึ้นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และยอมรับผิดเสียภาษีโดยวิธีคำนวณใหม่ตามคำสั่งสรรพากรที่ ป.1/2526 นั้น เห็นว่า นางสาวรัตนาวดีหลอกลวงโจทก์อย่างไร โจทก์ไม่นำสืบ แต่กลับได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ลดภาษีให้โจทก์ถึง 400,000 บาทเศษจึงเชื่อว่า ที่โจทก์ลงชื่อในเอกสารดังกล่าวไปเพราะเห็นว่าการคำนวณภาษีตามคำสั่งข้างต้นโจทก์ได้ลดภาษีดังที่โจทก์เบิกความหาใช่เพราะการหลอกลวงของนางสาวรัตนาวดีตามที่โจทก์ยกขึ้นฎีกาไม่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำนวณภาษีตามวิธีการที่โจทก์ต้องการแล้ว โจทก์จะอุทธรณ์ต่อศาลว่า คำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบ ขอให้ศาลเพิกถอนอีกไม่ได้ เพราะโจทก์พอใจแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง…”
พิพากษายืน.