แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 80เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 ทวิ วรรคสอง เพราะการกระทำตามความผิดดังกล่าวมีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้ชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะเพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2530 เวลากลางวันจำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ก.จำเลยกับพวกซึ่งมีอาวุธปืนชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ติดตัวได้ร่วมกันปล้นเอาอาวุธปืนเล็กกลขนาด .223 (แบบเอ็ม 16) 1 กระบอก สายสะพานปืน 1 เส้น ซองกระสุน 5 ซอง ซองผ้าใบสำหรับใส่ซองกระสุน 2 คู่ กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 240 นัดเครื่องทำความสะอาดอาวุธปืน 1 ชุด รวมราคา 12,322 บาท ของทางราชการขณะอยู่ในความครอบครองของจ่าสิบตำรวจประไพ แก้วขาว เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง แล้วปล้นอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 24 นัด รวมราคา7,600 บาท ของทางราชการขณะอยู่ในความครอบครองของนายเจียม อ่อนหนูไปโดยทุจริต ในการกระทำความผิดดังกล่าวจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจประไพซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ราชการและยิงนางสาวฉลวย อ่อนหนู โดยมีเจตนาฆ่า ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้บุคคลทั้งสองถึงแก่ความตายทันทีสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก จากนั้นจำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะยิงนายเจียมและนางทองปานอ่อนหนู ให้ถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไปให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ และให้พ้นจากการจับกุม ข. จำเลยกับพวกซึ่งมีอาวุธปืนชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ติดตัวร่วมกันปล้นเอารถจักรยานยนต์จำนวน 3 คัน รวมราคา 23,000 บาท ของนายมงคล หมื่นสนิท นายเจริญ เต็มราม และนายไข่ แย้มใจดีผู้เสียหายทั้งสามไปโดยทุจริตโดยใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายยิงผู้เสียหายทั้งสามให้ถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ การพาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ค. ภายหลังจากที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าวในข้อ ก. และ ข. แล้ว สิบตำรวจโทสุรศักดิ์ หมัดสมัน กับพวกรวม 10 คน เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอศรีบรรพต ได้ออกติดตามจับกุมจำเลยกับพวกอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางประทุษร้ายสิบตำรวจโทสุรศักดิ์กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและกำลังปฏิบัติการตามหน้าที่หลายนัด โดยมีเจตนาฆ่าเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยกับพวกได้กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ เพื่อปกปิดความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานฆ่าผู้อื่นฐานปล้นทรัพย์ และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดดังกล่าวที่จำเลยกับพวกได้กระทำไว้ แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากสิบตำรวจโทสุรศักดิ์ สิบตำรวจตรีทรงศักดิ์ ธราภรณ์หรือธราพร สิบตำรวจโทเชาวลิต สมันตมิตร และพลตำรวจนิภัทร์ มีมุสิทธิ ถูกกระสุนปืน แต่แพทย์ได้รักษาบาดแผลไว้ได้ส่วนเจ้าพนักงานที่เหลือไม่ถูกกระสุนปืนสิบตำรวจโทสุรศักดิ์กับพวกจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก ง. จำเลยมีอาวุธปืนเล็กกล ขนาด .223 (แบบ เอ็ม 16) 1 กระบอก ซองกระสุนปืน2 อัน และกระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 จำนวน 30 นัด ใช้ยิงได้อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 55 ชนิดและขนาดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และจำเลยใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ดังกล่าวในการกระทำความผิดตามฟ้อง ข้อ ก.ข.และ ค.จ. จำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว ในฟ้องข้อ ง.ติดตัวไปในถนนสายบ้านวังบาก หมู่ที่ 6 ตำบลเขาย่า กิ่งอำเภอศรีบรรพต ถนนสายบ้านวังยาว-ท่าข้าม หมู่ที่ 3 ตำบลตะแพนกิ่งอำเภอศรีบรรพต อันเป็นทางสาธารณะและหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 340, 340 ตรี, 138, 140, 371, 80, 83, 91ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514ข้อ 3, 14, 15 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ, 78 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 3 กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2522 และริบของกลางนอกจากรถจักรยานยนต์ซึ่งได้คืนเจ้าของไปแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(2)(7) ประกอบมาตรา 80, 138 วรรคสอง ประกอบมาตรา 140 วรรคสาม,371, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 3 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 วรรคสอง, 78 วรรคหนึ่งคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 3, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 3 กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 เป็นการกระทำหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 52(1)ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ให้วางโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง ให้วางโทษจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้วางโทษจำคุก 3 ปี ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพทุกข้อหาคำให้การชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ เมื่อเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ตามมาตรา 53 แล้ว คงจำคุกไว้33 ปี 4 เดือน ฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ จำคุก 6 ปี 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี รวมสามกระทงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 42 ปี ของกลางนอกจากรถจักรยานยนต์ให้ริบข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าโทษจำคุกจำเลยรวม 3 กระทง คงจำคุก 41 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หลายคนซึ่งมีอาวุธปืนชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ร่วมกันปล้นเอาอาวุธปืนเล็กกล ขนาด .223 (แบบเอ็ม 16) 1 กระบอกสายสะพานปืน 1 เส้น ซองกระสุน 5 ซอง ซองผ้าใบสำหรับใส่ซองกระสุน2 คู่ กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 240 นัด เครื่องทำความสะอาดอาวุธปืน 1 ชุด รวมราคา 12,323 บาท ตามบัญชีทรัพย์เอกสารหมายจ.22 ซึ่งเป็นของราชการขณะอยู่ในความครอบครองของจ่าสิบตำรวจประไพ แก้วขาว เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอศรีบรรพต และปล้นเอาอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 24 นัด รวมราคา 7,600 บาท ตามบัญชีทรัพย์เอกสารหมาย จ.23ซึ่งเป็นของทางราชการขณะอยู่ในความครอบครองของนายเจียม อ่อนหนูไป แล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจประไพซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และยิงนางสาวฉลวย เป็นเหตุให้บุคคลทั้งสองถึงแก่ความตายทันทีปรากฏบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพเอกสารหมาย จ.24 และ จ.25 ตามลำดับ จากนั้นร่วมกันปล้นเอารถจักรยานยนต์จำนวน 3 คัน ราคา 23,000 บาท ของนายมงคล หมื่นสนิทนายเจริญ เต็มรวม และนายไข่ แย้มใจดี ไป เมื่อร้อยตำรวจตรีทนงศักดิ์ ด่านศรีสุข ทราบเหตุว่าจ่าสิบตำรวจประไพและนางสาวฉลวยถูกลอบยิง จึงร่วมกับพวกออกติดตามจับกุม ระหว่างทางถูกซุ่มโจมตีจนเป็นเหตุให้สิบตำรวจโทสุรศักดิ์ หมัดสมัน สิบตำรวจตรีทรงศักดิ์ ธราพร สิบตำรวจเอกเชาวลิต สมันตมิตรและพลตำรวจนิภัทร์ มีมุสิทธิ ที่ร่วมไปกับร้อยตำรวจตรีทนงศักดิ์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเอกสารหมาย จ.26 ถึง 29 ตามลำดับและในที่สุดเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืนเล็กกลขนาด .223 (แบบเอ็ม 16) 1 กระบอก ซองกระสุนปืน 2 อัน กระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 จำนวน 30 นัด เป็นของกลาง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ประการแรกว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้อาวุธปืน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ มีและพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในความครอบครองดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ประการที่สอง หากจำเลยกระทำความผิดดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่… ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้อาวุธปืน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ มีและพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองดังที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้วฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาสุดท้ายมีว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 80 เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 ทวิ วรรคสองเพราะการกระทำตามความผิดดังกล่าวมีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้โดยชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้นั้นเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ เพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำความผิดเป็นคนละอันแตกต่างจากกัน และยังเป็นความผิดต่างฐานกันอีกด้วย จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน