คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกเข้าครอบครองที่พิพาทโดยเข้าใจว่าเป็นของกองทัพบก และรับว่าหากกองทัพบกจะเอาคืน จำเลยกับพวกก็จะคืนให้การครอบครองที่พิพาทของจำเลยกับพวกจึงมีลักษณะเป็นการครอบครองชั่วคราว มิได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 659 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 17 ไร่ ซึ่งเป็นของพลตรีเฉลิม พงษ์สวัสดิ์ สามีโจทก์ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว และธนาคารกรุงเทพ จำกัด เมื่อประมาณ 6 ปี มานี้จำเลยกับพวกได้เข้าไปอาศัยปลูกบ้านในที่ดินบางส่วนของที่ดินดังกล่าว คือ จำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เข้าไปอาศัยคนละ 80 ตารางวา ส่วนจำเลยที่ 5จำนวน 200 ตารางวา และจำเลยที่ 6 จำนวน 100 ตารางวา โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยทั้งหกอยู่ต่อไป ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ พร้อมกับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย และขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 200 บาท ให้จำเลยที่ 5 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 300 บาททั้งนี้นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินของโจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งหกให้การว่า โจทก์ไม่แสดงว่าเป็นหญิงหม้าย จึงเป็นหญิงมีสามีเมื่อไม่ปรากฏว่ามีหนังสือยินยอมจากสามีในการฟ้องคดีย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินของโจทก์มีธนาคารกรุงไทยจำกัด ถือกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าส่วนไหนเป็นของโจทก์โจทก์ไม่เคยแจ้งให้จำเลยทราบว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยทราบ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกโต้แย้งกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องไม่ชัดเจนว่า จำเลยเข้าปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์กว้างยาวเท่าใด ทำให้จำเลยไม่เข้าใจเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุม จำเลยทั้งหกได้ครอบครองที่ดินของโจทก์ด้วยความสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารออกจากที่พิพาท
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ที่ดินพิพาทที่จำเลยทั้งหกเข้าไปครอบครอง อยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 659ซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์และธนาคารกรุงไทย จำกัด ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามภาพถ่ายโฉนดเอกสารหมาย จ. 2 ที่ดินพิพาทนี้อยู่ใกล้กับที่ดินของกองทัพบก ข้อที่จำเลยทั้งหกฎีกาว่า จำเลยทั้งหกได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาท แล้วปลูกบ้านโดยสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของกับได้ครอบครองติดต่อกันเป้นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยทั้งหกจึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น ในข้อนี้โจทก์เบิกความว่า จำเลยทั้งหกเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทไม่ถึง 10 ปี ธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้เอาป้ายไปปักไว้เพื่อแจ้งให้ผู้เข้าไปครอบครองออกจากที่ดินพิพาท จำเลยทั้งหกไม่ยอมออกโดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของกองทัพบก ส่วนจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยที่ 1 คิดว่าที่ดินพิพาทเป็นของทหาร ถ้าทหารจะเอาที่ดินพิพาทคืน ก็จะคืนให้จำเลยที่ 2 เบิกความว่า จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินพิพาทจากนางมี นางมีบอกจำเลยที่ 2 ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของกองทัพบก จำเลยที่ 2 คิดว่าที่ดินพิพาทเป็นของทหาร ถ้าทางทหารจะเอาคืน ก็จะคืนให้ จำเลยที่ 3เบิกความว่า จำเลยที่ 3 คิดว่า ที่ดินพิพาทเป็นของทหารถ้าทหารจะเอาคืนก็จะคืนให้ จำเลยที่ 4 เบิกความว่า หลักเขตที่ดินของกองทัพบกหลักหนึ่งอยู่ติดกับถนน อยู่เยื้องกับบ้านของจำเลยที่ 4 ตรงนั้นอาจมีคนคิดว่าเป็นที่ดินของทหาร ถ้าที่ดินพิพาทเป็นของทหารจำเลยที่ 4 ก็จะคืนให้ จำเลยที่ 5 เบิกความว่า ถ้าที่ดินพิพาทเป็นของทหารและทหารต้องการคืน จำเลยที่ 5 ก็จะคืนให้ จำเลยที่ 6เบิกความว่า จำเลยที่ 6 เคยเห็นหลักเขตที่ดินของกองทัพบก อยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 5 คิดว่าที่ดินพิพาทเป็นของทหาร ถ้าเป็นที่ดินของทหารก็จะคืนให้ พิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์และจำเลยทั้งหกดังกล่าวแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งหกเข้าใจว่าที่ดินพิพาทที่จำเลยทั้งหกเข้าไปครอบครองนั้น เป็นที่ดินของกองทัพบก (ทหาร) ถ้ากองทัพบกประสงค์จะเอาคืน จำเลยทั้งหกก็จะคืนให้ การที่จำเลยทั้งหกเบิกความเช่นนั้นแสดงว่า จำเลยทั้งหกเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการชั่วคราวเป็นการเข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินซึ่งจำเลยทั้งหกเข้าใจว่าเป็นของกองทัพบก จำเลยทั้งหกพร้อมที่จะคืน ถ้ากองทัพบกต้องการมิได้เข้าไปครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จำเลยทั้งหกจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จำเลยทั้งหกก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382…”
พิพากษายืน.

Share