คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เสียหายเดือน ละ 500 บาท โดย จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดร่วมกันซึ่ง เป็นการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้ แต่ ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 ใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 500 บาท และจำเลยที่ 2ใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 500 บาท จนกว่าจะออกจากที่ดินและบ้านโจทก์โดย มิได้กำหนดให้ร่วมรับผิด ทำให้แต่ ละคนต้อง ใช้ ค่าเสียหายคนละ 500บาท เกินค่าเสียหายจริงของโจทก์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ร่วมรับผิดและให้มีผลถึง จำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วย ได้. โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้อง (1 ตุลาคม2527) แต่ ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 รับผิดนับแต่วันละเมิดคือวันที่ 13 กันยายน 2527 เป็นการเกินคำขอ ดังนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารทำการขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเลขที่ 188 หมู่ที่ 3 ตำบลลำพญาอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และออกไปจากที่ดินบางส่วนของโฉนดที่ดินเลขที่ 3979 และ 11572 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากบ้านโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเลขที่ 188 หมู่ที่ 3 ตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมและออกไปจากที่ดินบางส่วนของโฉนดเลขที่ 3979 และ 11572 ของโจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 500 บาทตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากบ้านและที่ดินโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ500 บาท ตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาเป็นต้นไป จนกว่าจะออกไปจากบ้านและที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ส่วนค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงเดือนละ 500 บาทดังที่ศาลชั้นต้นฟังมาซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดร่วมกัน เป็นการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้ ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทนับตั้งแต่วันที่ 13กันยายน 2527 ซึ่งเป็นวันละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากบ้านและที่ดินโจทก์ และจำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทนับแต่วันฟังคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากที่ดินและบ้านโจทก์เห็นได้ว่าในช่วงที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ เมื่อศาลล่างทั้งสองมิได้กำหนดให้ร่วมกันรับผิด ก็มีผลเป็นว่าแต่ละคนต้องใช้ค่าเสียหายคนละ 500 บาท เกินค่าเสียหายจริงของโจทก์คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ร่วมกันรับผิด และให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ นอกจากนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแต่วันฟ้อง (1 ตุลาคม 2527) แต่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 1 รับผิดแต่วันละเมิดคือวันที่ 13กันยายน 2527 เป็นการเกินคำขอ ศาลฎีกาจึงแก้ไขให้ถูกต้องโดยให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแต่วันฟ้องเป็นต้นไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป โดยให้จำเลยที่ 2ร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นต้นไป นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share