แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ของกลางที่ถูกปล้นไปได้จาก ส.ต่อมา ส. เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยเป็นผู้นำรถยนต์ของกลางมาบอกขายให้ โดยมอบให้ไปทดลองขับ และมอบสัญญาเช่าซื้อให้ไว้ด้วย ในเมื่อ ส. รู้จักกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน จึงเชื่อว่า ส. เบิกความไปตามความจริงโดยมิได้ปรักปรำจำเลย แม้ความจริงจะปรากฏว่า ส. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดร่วมกับจำเลยคำเบิกความของ ส. จะเข้าลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดด้วยกัน แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไม่ให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยกัน การที่จะเชื่อคำพยานได้หรือไม่นั้นย่อมแล้วแต่เหตุผลที่พยานเบิกความ เมื่อรถยนต์ของกลางที่จำเลยบอกขายให้ ส. มีป้ายทะเบียนปลอม สีรถถูกเปลี่ยนมาเป็นสีแดง หมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์ถูกขูดลบออกและตอกหมายเลขใหม่ให้ตรงกับสีรถของจำเลยที่เช่าซื้อมาพยานแวดล้อมจึงฟังได้ว่า จำเลยได้รับรถยนต์ของกลางไว้แล้วช่วยจำหน่าย หรือช่วยพาไปเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340ตรี,ตรี, 357, 364, 368, 83, 91 ให้จำเลยคืนทรัพย์ที่ปล้นไปในส่วนที่ผู้เสียหายยังไม่ได้รับคืนหรือใช้ราคาเป็นเงิน 8,220 บาทแก่ผู้เสียหาย ริบสำเนาสัญญาเช่าซื้อป้ายวงกลมและป้ายทะเบียนของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบป้ายทะเบียนของกลาง ส่วนสำเนาสัญญาเช่าซื้อและป้ายวงกลมไม่ได้ความว่าเป็นเอกสารปลอมหรือทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดจึงไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง จำคุก 5 ปี ริบป้ายทะเบียนของกลางนอกนั้นไม่ริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2527 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา มีคนร้าย3 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนจี้บังคับและปล้นเอารถยนต์บรรทุกสีครีมค้นหมายเลขทะเบียน 5บ-2239 กรุงเทพมหานคร นาฬิกาข้อมือ สับปะรดและเงินสดของนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเปาระยะ ผู้เสียหายไป ต่อมาวันที่29 สิงหาคม 2527 เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ของผู้เสียหายได้จากนายสมศักดิ์ รักสวัสดิ์ เป็นของกลาง โดยสีรถถุกเปลี่ยนเป็นสีแดงหมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์เดิมถูกขูดลบและตอกหมายเลขใหม่ และแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข สฎ.น-5138 ซึ่งติดอยู่ที่รถยนต์ของกลางเป็นของปลอมในปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของนายสมศักดิ์ รักสวัสดิ์พยานโจทก์ว่าจำเลยเป็นผู้นำรถยนต์ของกลางมาบอกขายให้แก่นายสมศักดิ์โดยมอบรถยนต์ของกลางให้นายสมศักดิ์ไปทดลองขับดูก่อน และมอบสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ไว้ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่านายสมศักดิ์รู้จักกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน จึงเชื่อว่านายสมศักดิ์เบิกความไปตามความจริงโดยมิได้ปรักปรำจำเลย ยิ่งกว่านี้ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2 ยังปรากฏข้อความเขียนบันทึกไว้ที่ด้านบนว่า “เอกสารฉบับนี้นายสมศักดิ์ รักสวัสดิ์ ผู้ครอบครองรถยนต์เป็นผู้มอบให้แต่วันยึด (29 ส.ค. 27)” และมีลายมือชื่อของเจ้าพนักงานตำรวจลงไว้ ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็ยึดรถยนต์ของกลางได้จากนายสมศักดิ์ด้วย ปรากฏตามบันทึกการยึดรถยนต์เอกสารหมายจ.8 แสดงว่านายสมศักดิ์เป็นผู้มอบเอกสารดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจในวันที่ถูกยึดรถยนต์ของกลาง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วจึงเชื่อว่า จำเลยนำรถยนต์ขจองกลางมาบอกขายให้แก่นายสมศักดิ์โดยมอบรถยนต์ของกลางให้นายสมศักดิ์ทดลองขับและมอบสำเนาสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้นายสมศักดิ์ไว้ด้วย จริงอยู่นายสมศักดิ์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดร่วมกับจำเลยด้วย คำเบิกความของนายสมศักดิ์แม้จะเข้าลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดด้วยกันก็ตาม แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไม่ให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยกัน การที่จะเชื่อคำพยานได้หรือไม่นั้นย่อมแล้วแต่เหตุผลที่พยานเบิกความ เพื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางพิจารณาว่า รถยนต์ของกลางที่จำเลยบอกขายให้แก่นายสมศักดิ์มีป้ายทะเบียนปลอมหมายเลขทะเบียนสฎ.น-5138 ตรงกับหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทโตโยต้าสุราษฎร์ธานีผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด สีรถถูกเปลี่ยนจากสีครีมมาเป็นสีแดง หมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์ถูกขูดลบออกและตอกหมายเลขใหม่ให้ตรงกับสีรถ หมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่จำเลยเช่าซื้อมาจากบริษัทดังกล่าว และจากคำเบิกความของนายวิกิจ พรหมพฤกษ์ พนักงานฝ่ายขายของบริษัทดังกล่าวพยานโจทก์ที่ว่า ป้ายวงกลมที่ติดอยู่ที่รถยนต์ของกลางเป็นป้ายวงกลมของรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อไปจากบริษัทและจำเลยแจ้งว่าสูญหายไปแล้ว พยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวย่อมฟังได้ว่า จำเลยได้รับรถยนต์ของกลางไว้แล้วช่วยจำหน่ายหรือช่วยพาไปเสียโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรตามฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.