คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934-936/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ตัดไม้เผาถ่านได้แล้วไปทำสัญญาให้จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่านอีกทอดหนึ่งแล้วต่อมาโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามมิให้เช่าช่วงและได้ทำทัณฑ์บนไว้ว่าจะไม่ฝ่าฝืนโจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยก่อนกำหนดเวลาในสัญญาที่ทำไว้ดังนี้ จำเลยจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ไม่ได้เพราะการได้รับอนุญาตทำไม้นั้นเป็นการเฉพาะตัวซึ่งจำเลยก็รู้อยู่แล้ว แต่ได้เข้าทำสัญญาโดยเสี่ยงต่ออุปสรรคที่จะเกิดขึ้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่15/2505)

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเลิกสัญญาเช่าห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับกิจการทำป่าไม้และเผาถ่านของโจทก์ ให้ชำระค่าเช่าที่ค้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย รวมทั้งค่าเสียหาย พร้อมทั้งยื่นคำร้องให้ศาลสั่งห้ามจำเลยตัดไม้เผาถ่านชั่วคราว ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วอนุญาต

จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ทำผิดสัญญา และขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวนั้น ศาลชั้นต้นสอบจำเลย จำเลยยอมหยุดการตัดไม้ชั่วคราวจนกว่าคดีถึงที่สุด

สำนวนที่ 2 นางมุ้ยหล้างได้ฟ้องโจทก์ว่าแกล้งฟ้อง และขอให้โจทก์รับผิดค่าเสียหาย และคืนเงินมัดจำ

โจทก์ให้การปฏิเสธความเสียหาย

สำนวนที่ 3 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเสียภาษีเงินได้ และใช้เงินที่โจทก์ถูกปรับ เพราะจำเลยตัดไม้ผิดแปลง

จำเลยให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุม และปฏิเสธว่าไม่ต้องรับผิดในเรื่องเงินภาษีและค่าปรับนั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์รวม 34,071.86 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย และให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยรวม 211,260 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ที่ได้ความส่อแสดงว่าโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลย เพราะโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามไม่ให้เช่าช่วง และให้โจทก์ทำทัณฑ์บนไว้ คดีนี้โจทก์ได้รับอนุญาตให้ตัดไม้เผาถ่าน สัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันเป็นการให้จำเลยเข้ากระทำการตัดไม้เผาถ่านเป็นของจำเลยเองโดยจำเลยต้องให้ถ่านแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง สัญญานี้โจทก์ผู้ได้รับอนุญาตทำสัญญาให้จำเลยผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 56 แสดงว่าการอนุญาตให้บุคคลทำการตัดไม้เผาถ่านนั้น เป็นการอนุญาตเฉพาะตัวผู้รับอนุญาต

ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาต่อกันนั้น เป็นการเสี่ยงต่อการที่จำเลยจะได้เข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน โดยที่คู่กรณีได้รู้หรือควรจะรู้แล้วว่าการกระทำเช่นนั้นอาจถูกเจ้าพนักงานห้ามหรือขัดขวางในขณะใดก็ได้ ซึ่งถ้าถูกห้ามหรือขัดขวาง ก็เป็นอันเลิกแล้วต่อกันเพราะแต่ละฝ่ายไม่มีอำนาจดำเนินการฝ่าฝืนได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ถูกเจ้าพนักงานสั่งห้ามไม่ยอมให้จำเลยเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ได้ ส่วนเงินมัดจำที่จำเลยวางไว้แก่โจทก์นั้น โจทก์มิได้ยกขึ้นกล่าวในฎีกาจึงไม่ต้องวินิจฉัย

พิพากษาแก้เฉพาะข้อที่ให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลย เป็นว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้เงินให้แก่จำเลย นอกจากคืนเงินมัดจำ 15,000 บาท กับดอกเบี้ยในจำนวนเงินนี้ตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้ นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share