คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบซึ่ง เป็นการพนันที่มอมเมาประชาชนเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ของกลางที่ยึดได้ เป็นเงินสด1,650 บาท และใบโพย 13 แผ่น คิดเป็นจำนวนเงินถึง20,000 บาทเศษ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรายใหญ่ศาลย่อมไม่รอการลงโทษจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา4, 5, 6, 10, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบของกลางและสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสิบสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15,ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือนและปรับ 5,000 บาทจำเลยนอกนั้นจำคุกคนละ 4 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือนและปรับ 2,500 บาท จำเลยนอกนั้นจำคุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ2,000 บาท โทษจำคุกจำเลยให้รอไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ของกลางริบ จ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทุกคนตามอัตราโทษขั้นสูงที่กฎหมายกำหนดโดยไม่รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 เดือนโดยไม่ลงโทษปรับ จำเลยที่ 1 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งเป็นการพนันที่มอมเมาประชาชนเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองของกลางที่ยึดได้ในคดีนี้เป็นเงินสด 1,650 บาท และใบโพย 13 แผ่นคิดเป็นจำนวนเงินถึง 20,000 บาทเศษ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรายใหญ่ ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย…”
พิพากษายืน.

Share