แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาว่าเมื่อจำเลยชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยรับใบหุ้นจำนวน 2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยนำเงินมาวางศาลแล้วโจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยนำมาวางไว้ไปจากศาลได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 485,116.18บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน2,000 หุ้น ที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1 ได้นำเงินตามจำนวนที่ต้องรับผิดตามคำพิพากษาของศาลฎีกามาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้โจทก์รับไป และขอให้โจทก์นำใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด มาวางต่อศาลเพื่อให้จำเลยทั้งสองรับไปด้วย
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาล ส่วนใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน 2,000หุ้น ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับไปจากโจทก์นั้น โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันได้ตีราคาหุ้นดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักประกันเป็นเงิน 250,500 บาท นำไปหักกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ไปยื่นขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 คดีนี้ในคดีล้มละลายที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2เป็นบุคคลล้มละลายตามคดีหมายเลขแดงที่ ล. 153/2527 ของศาลชั้นต้นแล้ว หุ้นดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องโอนให้จำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้โจทก์โอนหุ้นแก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาก่อน จึงรับเงินไปได้เต็มจำนวนตามคำพิพากษา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าโจทก์ต้องนำใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน 2,000 หุ้นที่จำเลยทั้งสองได้สั่งให้โจทก์ซื้อไว้มาวางต่อศาลเสียก่อนแล้วจึงจะรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางศาลไว้เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้ว โจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก…”
พิพากษายืน.