คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4213/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเมาสุราทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีผู้เข้าห้ามและนำผู้เสียหายกลับบ้าน ระหว่างทางผู้เสียหายสะบัดหลุดจะกลับไปที่เกิดเหตุอีก จำเลยซึ่งพิการขาขวาด้วนไม่อยากให้ผู้เสียหายคนชอบพอกันไปมีเรื่องจึงเข้าขัดขวาง ผู้เสียหายไม่พอใจเตะจำเลยล้มลงแขนซ้ายหัก ครั้นจะเตะซ้ำจำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 15 นิ้วครึ่งแทงบริเวณลำตัวผู้เสียหายทะลุเข้าไปในช่องท้องเพียงทีเดียวเพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้เสียหายเตะซ้ำ บังเอิญไปถูกที่สำคัญ ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก 1 ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง มีดของกลางให้คืนจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าวันเกิดเหตุผู้เสียหาเมาสุราแล้วทำร้ายร่างกายผู้อื่นซึ่งร่วมดื่มสุราด้วยกัน มีผู้เข้ามาห้ามและนำผู้เสียหายกลับบ้าน ระหว่างทางผู้เสียหายสะบัดหลุดจะกลับไปยังที่เกิดเหตุอีก จำเลยซึ่งเป็นคนพิการขาด้วนไปข้างหนึ่งเนื่องในการออกปราบปรามผู้ก่อการร้ายไม่อยากให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นคนรักใคร่ชอบพอกันไปมีเรื่อง จึงได้เข้าขัดขวางไว้ ผู้เสียหายไม่พอใจจึงไปต่อยจำเลย แต่ต่อยไม่ถูกจึงเข้าไปเตะจำเลยล้มลงแขนซ้ายหัก ครั้นจะเตะซ้ำจำเลยใช้มีดสปาต้าปลายแหลมยาว 15 นิ้วครึ่แทงบริเวณลำตัวผู้เสียหาย ทะลุเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งแพทย์ลงความเห็ว่า หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ มีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นคนพิการขาขวาด้วนถูกเตะล้มลงแขนซ้ายหักการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายไปเพียงครั้งเดียว เพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้เสียหายเข้าไปเตะจำเลยซ้ำบังเอิญไปถูกที่สำคัญ ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share