คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หนี้ที่ธนาคาร ฟ้องให้เจ้าหนี้รับผิดเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดทำกิจการที่ลูกหนี้ตัวการมอบหมายให้เจ้าหนี้เป็นตัวแทนทำสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคาร เพื่อสั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้ เจ้าหนี้ย่อมเรียกให้ลูกหนี้รับผิดได้โดยตรง แต่เมื่อได้ความว่าบริษัทลูกหนี้และเจ้าหนี้เป็นธุรกิจ ในเครือญาติกันลูกหนี้หมดวงเงินสินเชื่อสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศไม่ได้ ก. ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการลูกหนี้และเป็นกรรมการคนหนึ่งของเจ้าหนี้ได้ขอให้เจ้าหนี้สั่งซื้อฝ่ายให้ลูกหนี้ เช่นนี้ ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ทราบถึงฐานะของลูกหนี้แล้วว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วยังยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ดังกล่าวอีก จึงเป็นกรณีต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย ฯ มาตรา 94(2).

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้(จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2528 บริษัทชัยสิงหาญ จำกัดโดยนายชัยยงค์ บัวเพ็ชร์ หรือนายเมธา สุนทรจิตร์ ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าตัวแทนเรียกร้องไล่เบี้ยคืนจากตัวการจำนวน8,962,965.39 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว ทำความเห็นเสนอต่อศาลว่า การที่เจ้าหนี้สั่งซื้อสินค้าแทนลูกหนี้โดยผ่านธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาลุมพินี นั้นไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ประการใดเจ้าหนี้และลูกหนี้เป็นธุรกิจในเครือญาติ จึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 วรรคสอง เมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กองทรัพย์สินของลูกหนี้จึงไม่ต้องผูกพันกับนิติกรรมสัญญาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย แม้จะฟังว่ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ต้องผูกพันกับเจ้าหนี้ ก็ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้เนื่องจากนายกวีวงศ์ ชัยสิงหาญ เป็นทั้งกรรมการของลูกหนี้และกรรมการเจ้าหนี้ นอกจากนี้เจ้าหนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ด้วย จึงเป็นพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเจ้าหนี้ทราบดีแล้วว่าลูกหนี้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว แล้วยังก่อหนี้ขึ้นอีก จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94 จึงเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของบริษัทชัยสิงหาญ จำกัดเจ้าหนี้ทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 107(1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่ว่า นายกวีวงศ์ ชัยสิงหาญกรรมการผู้จัดการลูกหนี้และกรรมการเจ้าหนี้ได้ขอให้เจ้าหนี้ช่วยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด สั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้โดยไม่มีค่าตอบแทน แต่มีเงื่อนไขการชำระเงินว่าเมื่อลูกหนี้นำฝ้ายไปผลิตและจำหน่ายได้เงินมาแล้ว ให้นำเงินมาชำระแก่เจ้าหนี้เพื่อเจ้าหนี้จะนำเงินไปชำระแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด นั้น มีผลว่าเจ้าหนี้เป็นตัวแทนของลูกหนี้ในการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อสั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้ ดังนั้นค่าสั่งซื้อฝ้ายที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ฟ้องให้เจ้าหนี้รับผิดเป็นเงิน 8,962,965.39 บาท จึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมที่ลูกหนี้ซึ่งเป็นตัวการมอบหมายแก่เจ้าหนี้ตัวแทน เจ้าหนี้เรียกให้ลูกหนี้รับผิดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวได้โดยตรง ซึ่งเจ้าหนี้ก็ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ ปัญหาว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้หรือไม่ ที่เจ้าหนี้ฎีกาว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้กระทำขึ้นโดยที่เจ้าหนี้ไม่ทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวนั้น ได้ความว่าลูกหนี้และเจ้าหนี้เป็นธุรกิจในเครือญาติ นายกวีวงศ์ ชัยสิงหาญ เป็นกรรมการเจ้าหนี้และกรรมการผู้จัดการลูกหนี้ แม้นายกวีวงศ์แต่ผู้เดียวไม่มีอำนาจกระทำการแทนเจ้าหนี้ แต่นายกวีวงศ์ก็สามารถทราบฐานะการเงินหมุนเวียนของลูกหนี้ได้ดี เมื่อปี พ.ศ. 2527 ลูกหนี้หมดวงเงินสินเชื่อจึงสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศไม่ได้ นายกวีวงศ์จึงขอให้เจ้าหนี้สั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้ ดังนี้ จึงฟังได้ว่า เจ้าหนี้ได้ทราบถึงฐานะการเงินของลูกหนี้แล้วว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว แล้วยังยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้สินอีกโดยเป็นตัวแทนของลูกหนี้ทำสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด สั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้จึงเป็นกรณีต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2) ที่เจ้าหนี้ฎีกาว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ฟ้องเจ้าหนี้เป็นจำเลยให้ชำระค่าสั่งซื้อฝ้ายดังกล่าวจึงเป็นการสมประโยชน์และความประสงค์อันแท้จริงของลูกหนี้ ลูกหนี้จะต้องชำระราคาสินค้าดังกล่าวให้เจ้าหนี้ การชำระหนี้ดังกล่าวนี้ไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2)เพราะมิใช่หนี้ที่ลูกหนี้ก่อโดยตรงกับเจ้าหนี้จึงเป็นกรณีที่ไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3400/2528นั้น เห็นว่า ไม่ตรงกับที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า กรณีนี้หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ก่อขึ้นโดยตรงกับเจ้าหนี้ คำพิพากษาฎีกาที่ 3400/2528 ที่เจ้าหนี้อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ เพราะคดีดังกล่าวได้ความว่า ลูกหนี้เป็นหนี้บุคคลภายนอกอยู่แล้วและมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้บุคคลภายนอก แต่เจ้าหนี้ชำระแทนไป เจ้าหนี้ในคดีดังกล่าวจึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ ฎีกาเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share