คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3515/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขอหักกลบลบหนี้เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้กับจำเลยที่ 1 จำเลยอื่นซึ่งต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในหนี้เต็มจำนวน ส่วนเงินประกันของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์ยึดครองอยู่เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติในชั้นบังคับคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าเป็นลูกจ้างโจทก์โดยจำเลยที่ 1ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ดำรงตำแหน่งพนักงานเงิน และจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งเสมียน (ปฏิบัติหน้าที่พนักงานเงิน) จำเลยทั้งห้ามีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนข้อบังคับและคำสั่งของโจทก์อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม 2527 ถึงวันที่31 มีนาคม 2529 จำเลยทั้งห้าได้กระทำผิดสัญญาจ้าง กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ปลอมแปลงและแก้ไขบัญชีเงินฝากของลูกค้า แล้วเบิกเงินจากบัญชีดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ในฐานะพนักงานเงินและเสมียนทำหน้าที่พนักงานเงินปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบคำสั่งของโจทก์ ว่าด้วยการถอนเงินและจ่ายเงินโดยเคร่งครัด ไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของโจทก์เป็นช่องทางให้จำเลยที่ 1 กระทำการทุจริตเบิกเงินจากบัญชีของลูกค้าโจทก์ดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยจำเลยที่ 2ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 บกพร่องต่อหน้าที่ไม่จ่ายเงินให้เจ้าของบัญชีแต่กลับจ่ายให้จำเลยที่ 1 ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 150,550 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมกันใช้เงินจำนวน46,000 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 4 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 218,490.77 บาทจำเลยที่ 1 ที่ 5 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 41,372 บาท และจำเลยที่ 1ใช้เงินจำนวน 3,000 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้นแต่ละจำนวน นับแต่วันที่ 27 มีนาคม 2530จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 5 ขาดนัดและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ไม่ได้กระทำผิดระเบียบและคำสั่งของโจทก์กับไม่เคยจ่ายเงินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 150,550 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 46,000บาท จำเลยที่ 1 ที่ 4 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 218,490.77 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 5 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 41,372 บาท และจำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน 3,000 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้น นับแต่วันที่ 27 มีนาคม 2530 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4อุทธรณ์ข้อสองว่า จำเลยที่ 1 หลบหนีคดีอาญา และไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะมาใช้หนี้แก่โจทก์ คงมีแต่เงินประกันตัวและเงินประกันตำแหน่งจำนวน 90,000 บาท ที่โจทก์ยึดครองอยู่ หากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง กรณีจะเป็นว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้เกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง พิเคราะห์แล้ว การขอหักกลบลบหนี้เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จึงต้องรับผิดในหนี้เต็มจำนวนตามฟ้อง และเงินประกันจำเลยที่ 1 จำนวน 90,000 บาท ที่โจทก์ยึดครองอยู่นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติในชั้นบังคับคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเช่นกัน…”
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4

Share