คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ขณะหลบหนี ญ. ผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้วิ่งไล่จับจำเลย จำเลยสะบัดหลุดแล้วใช้มีดแทง ญ. ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันยังไม่ขาดตอนจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยใช้มีดแทง ญ. อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339,371, 91, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 14 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และริบมีดปลายแหลม 1 เล่ม ค้อน 1 ด้าม ส่วนป้ายโฆษณาหาเสียง 4 แผ่นคืนผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสองและวรรคสาม, 371 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 13ให้เรียงกระทงลงโทษข้อหาความผิดฐานชิงทรัพย์ให้ลงโทษตาม มาตรา 339วรรคสาม จำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธตามมาตรา 371 ปรับ 80 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 80 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล ขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นนักศึกษาเพิ่งกระทำความผิดเป็นครั้งแรก ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก5 ปั ปรับ 40 บาท ค้อนและมีดของกลางให้ริบ ป้ายโฆษณาหาเสียง 4 แผ่นคืนผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยถึงการกระทำความผิดของจำเลยว่า การที่จำเลยกับพวกรื้อป้ายโฆษณาหาเสียงจำนวน 4ป้าย จากที่ติดตั้งและนำไปกองรวมกันห่างจากจุดที่รื้อประมาณ 10 เมตถือว่าการลักทรัพย์เป็นผลสำเร็จแล้ว และการที่จำเลยใช้มีดแทงนายใหญ่ที่วิ่งไล่จับจำเลย ขณะที่จำเลยหลบหนี หลังจากที่จำเลยสะบัดหลุดจากการจับเมื่อนายใหญ่พบเห็นการกระทำผิดที่จำเลยลักทรัพย์แล้ว ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน ทั้งนี้เพื่อให้พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเข้าเกณฑ์ความผิดฐานชิงทรัพย์ซึ่งตามคำวินิจฉัยดังกล่าวหมายความว่าการที่จำเลยลักทรัพย์สำเร็จแล้วหลบหนีและในขณะที่นายใหญ่วิ่งไล่จับจำเลยต่อเนื่องกันจำเลยก็ใช้มีดแทงนายใหญ่อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์นั่นเอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า “ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน” นั้น หมายความเพียงว่าการที่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายนายใหญ่เป็นเวลาติดต่อกันและยังไม่ขาดตอนจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกาเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share