แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วันนับแต่วันทราบคำสั่งดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาอื่น ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 10,786,073 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,400,225.49บาท พร้อมดอกเบี้ย ถ้าจำเลยทั้งสามไม่ชำระ ให้บังคับจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้หลายประการ และฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาขอให้บังคับโจทก์ชำระเงิน 12,173,404.78 บาทแก่จำเลยทั้งสามพร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในส่วนของคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม คดีฟ้องแย้งไม่มีมูล จึงให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2530 หากจำเลยทั้งสามจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันทราบคำสั่งดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่จำเลยทั้งสามเพิ่งยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2530เกินกำหนดอุทธรณ์ตามกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม จึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามแล้ว ศาลฎีกาก็พิจารณาฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไปไม่ได้”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของจำเลยทั้งสามคืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาให้จำเลยทั้งสาม