คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดโดยจัดให้โจทก์รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินโดยฝ่าฝืนระเบียบ ได้ความว่าในการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมีการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันกับมีบุคคลค้ำประกันทุกราย แต่โจทก์ยังไม่ได้บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองจากลูกหนี้และผู้ค้ำประกันจึงไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะความเสียหายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการบังคับชำระหนี้เอาแก่ผู้ต้องรับผิดดังกล่าวตลอดจนทรัพย์สินที่จำนองแล้วได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่โจทก์ได้ออกไป เมื่อยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการคนหนึ่งของโจทก์ จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสินเชื่อประจำสำนักงานใหญ่ของธนาคารโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขา จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์และประเพณีของธนาคารพาณิชย์ทั่วไปโดยจัดให้บริษัทหลายบริษัทที่จำเลยมีผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วยและบริษัทที่มีฐานะทางการเงินไม่มั่นคงออกตั๋วสัญญาใช้เงินหลายฉบับ และมาขอให้โจทก์รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลหลายประการซึ่งไม่เป็นความจริง และจำเลยทั้งสามได้จัดให้มีการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและมีผู้ค้ำประกันทุกราย ต่อมาเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด บริษัทผู้ออกตั๋วไม่ใช้เงินตามตั๋ว จำเลยที่ 1 ได้อาศัยอำนาจสั่งให้ธนาคารโจทก์ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไป ทำให้ธนาคารโจทก์ได้รับความเสียหายต้องจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไปทั้งสิ้น 177 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์สามารถนำไปปล่อยสินเชื่อกับลูกค้าจะได้ดอกเบี้ยอย่างต่ำไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น223,205,753.41 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้ร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องและไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นส่วนตัวจากการที่โจทก์รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ความเสียหายตามกฎหมายของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้น และจะเสียหายหรือไม่เพียงใดยังไม่แน่นอน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสามเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนจนกว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากลูกหนี้แต่ละรายแล้วเสียก่อน โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาจำเลยว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามตามฟ้องเป็นการละเมิดอันทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดในมูลละเมิด โดยกล่าวอ้างสรุปความว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจัดให้โจทก์รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องโดยจงใจเพิกเฉยละเลยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์และประเพณีปฏิบัติของธนาคารพาณิชย์โดยไม่สุจริตเป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินไปตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวแทนผู้ออกตั๋วเป็นเงินรวม 177 ล้านบาทแต่ตามข้อเท็จจริงได้ความว่าในการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวทุกฉบับ มีการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและมีบุคคลค้ำประกันทุกราย โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการ จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าส่วนสินเชื่อ และจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการสาขาสามย่าน ในการให้สินเชื่อและการรับอาวัลตั๋วเงินเป็นธุรกิจของโจทก์อย่างหนึ่ง และการที่จำเลยทั้งสามกระทำไปตามคำบรรยายฟ้อง ก็เป็นการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยในธุรกิจของโจทก์ แม้การปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยทั้งสามจะบกพร่องต่อระเบียบ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้เงินแทนผู้ออกตั๋วไปเป็นเงิน 177 ล้านบาท แต่การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องได้มีการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินทุกแปลงเป็นประกันทั้งยังมีบุคคลค้ำประกันด้วย โจทก์ยังมิได้บังคับชำระหนี้เอาจากลูกหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งโจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยได้ตามกฎหมายตลอดจนบังคับชำระหนี้จากหลักทรัพย์ที่จำนองและบุคคลที่ค้ำประกันซึ่งโจทก์อาจใช้สิทธิเช่นว่านั้นได้โจทก์จึงยังไม่ได้รับความเสียหายและยังไม่เป็นการแน่นอนว่าหากโจทก์ได้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองหรือจากลูกหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตลอดจนผู้ค้ำประกันแล้ว จะคุ้มกับจำนวนเงินที่โจทก์ได้ออกแทนไปหรือไม่ ที่โจทก์อ้างว่าทรัพย์สินที่จำนองราคาน้อยกว่าหนี้หลายเท่าและบุคคลที่ค้ำประกันไม่น่าเชื่อถือก็เป็นเพียงการคาดคะเนของโจทก์ซึ่งอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองลูกหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและผู้ค้ำประกันตามสิทธิที่โจทก์มีอยู่ ก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะความเสียหายของโจทก์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้มีการบังคับชำระหนี้เอาแก่ผู้ต้องรับผิดดังกล่าวตลอดจนทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันแล้วได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้ออกไปจำนวนเงินที่น้อยกว่านั้นคือความเสียหายที่โจทก์จะได้รับ เมื่อยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสามในการที่โจทก์ต้องรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้อง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงยังไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share