คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6675/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไป แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่จะฆ่าผู้ตาย แม้จำเลยพูดกับผู้ตายและ ป. ในคืนก่อนเกิดเหตุว่า พรุ่งนี้ให้ไปทำบุญงานศพของพวกเจ้า ก็อาจะเป็นการพูดต่อว่าผู้ตายเพื่อระบายความน้อยใจที่ถูกมารดาผู้ตายกีดกันความรัก ในวันเกิดเหตุจำเลยเลี้ยงวัวอยู่กับผู้ตายตั้งแต่เช้า แต่จำเลยเพิ่งใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จำเลยอาจมีเจตนาฆ่าผู้ตายขึ้นมาในขณะที่พูดคุยอยู่กับผู้ตายซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันใดก็ได้ พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 288,289
จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา แต่ให้การปฏิเสธฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาจำเลยขอแก้ไขคำให้การเป็นว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายโดยประมาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 90, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนวางโทษประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือนฐานพกพาอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและคำเบิกความของจำเลยชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้เปลี่ยนโทษประหารชีวิตเป็นจำคุก 25 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78, 52 รวมจำคุก 25 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ จำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 53 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 25 ปี พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 จำคุก 3 เดือน มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ จำคุก3 เดือน รวมจำคุก 25 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 12 ปี 9 เดือน นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยรับใคร่อยู่กับผู้ตายแต่ถูกมารดาของผู้ตายกีดกันห้ามปราม คืนก่อนเกิดเหตุจำเลยพูดเป็นทำนองว่าจะต้องมีการตายเกิดขึ้น ในวันเกิดเหตุจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนติดตัวไป แล้วใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง อันเป็นการวางแผนที่จะฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้า เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้นพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยชอบพอรับใคร่อยู่กับผู้ตาย แต่ถูกมารดาผู้ตายกีดกัน คืนก่อนเกิดเหตุจำเลยพูดกับนางสาวปาง ศรีโชติ และผู้ตายว่า พรุ่งนี้ไปทำบุญงานศพของพี่น้องพวกเจ้านะ เช้าวันเกิดเหตุผู้ตายกับนางสาวปาง ศรีโชตินำวัวไปเลี้ยงที่ทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านหินแตก มีจำเลยไปช่วงเลี้ยงวัวด้วยจนถึงเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จำเลยได้ใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวมายิงผู้ตาย 1 นัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง กระสุนปืนถูกที่ท้อง 1 นัดได้รับบาดเจ็ด เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแม้จะได้ความว่าจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไป แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่จะฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยพูดกับผู้ตายและนางสาวปางในคืนก่อนเกิดเหตุว่า พรุ่งนี้ให้ไปทำบุญงานศพของพวกเจ้า ก็อาจเป็นการพูดต่อว่าผู้ตายเพื่อระบายความน้อยใจที่ถูกมารดาผู้ตายกีดกันความรับ ในวันเกิดเหตุจำเลยก็เลี้ยงวัวอยู่กับผู้ตายตลอดเวลาตั้งแต่เช้า แต่จำเลยเพิ่งใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จำเลยอาจมีเจตนาฆ่าผู้ตายขึ้นมาในขณะพูดคุยอยู่กับผู้ตายซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันใดก็ได้ พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
พิพากษายืน

Share