แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 บัญญัติถึงการกระทำ เพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษโดยมิให้ถูกจับกุม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยถีบรถจักรยานให้ บ.ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดนั่งซ้อนท้ายพาออกจากที่เกิดเหตุไปในขณะที่ยังไม่มีผู้มีอำนาจจับกุมคนใดจะจับกุม บ. และยังได้ความอีกว่า จำเลยถีบรถจักรยาน พา บ.นั่งซ้อนท้ายไปบ้าน จึงส่อให้เห็นเจตนาว่าไม่ใช่เพื่อหลบหนีหรือเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอีกด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทมาตราดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๑ เวลากลางวัน นายบรรจง หรือจงได้ใช้พลั่วเป็นอาวุธนางสาวเสงี่ยมโดยเจตนาฆ่า จำเลยนี้รู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ช่วยนำนายบรรจงหรือจงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานสองล้อหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือนายบรรจงหรือจงไม่ให้ต้องรับโทษ และเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หลังจากที่นายบรรจงจำเลยทำร้ายนางสาวเสงี่ยม ผู้ตายแล้ว จำเลยถีบรถจักรยานให้นายบรรจงนั่งซ้อนท้ายออกจากที่เกิดเหตุไปบ้าน ซึ่งในขณะนั้นนางประเสริฐน้องผู้ตายอยู่ในที่เกิดเหตุ ร้องขอความช่วยเหลือและวิ่งหนีไปใน ทุ่งนามีชาวบ้านคนหนึ่งเดินมาถึงยืนเฉยอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ มิได้เข้าช่วยเหลือจับกุมและไม่มีบุคคลใดอีกที่จะเข้าทำการจับกุมนายบรรจง แล้ววินิจฉัยในปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือมิให้นายบรรจงถูกจับกุม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ หรือไม่ว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราดังกล่าวบัญญัติถึงการกระทำเพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษโดยมิได้ถูกจับกุม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยถีบรถจักรยานให้ นายบรรจงซึ่เป็นผู้กระทำความผิดนั่งซ้อนท้ายออกจากที่เกิดเหตุไปในขณะที่ยังไม่มีผู้มีอำนาจจับกุมคนใดจะจับกุมนายบรรจง และยิ่งกว่านั้นยังได้ความว่าจำเลยถีบ
รถจักรยานพานายบรรจงนั่งซ้อนท้ายไปบ้านจึงส่อให้เห็นเจตนาว่าไม่ใช่เพื่อหลบหนีหรือเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอีกด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว
พิพากษายืน.