คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาเพราะศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี แต่จำเลยก็ยื่นคำแก้ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาในชั้นฎีกาด้วยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินแทนโจทก์ ได้นำที่ดินไปออก น.ส.3 ในชื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตร และขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าทำกิน ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินพิพาท และจดทะเบียนโอนเป็นชื่อโจทก์ จำเลยให้การว่าเป็นที่ดินจำเลย โจทก์มิได้ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าที่ดินเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินคืน พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาเพราะศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชนะคดี แต่จำเลยทั้งสองก็ได้ยื่นคำแก้ฎีกาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยที่ 1 ได้มาจากมารดาและจำเลยที่ 1 โอนให้จำเลยที่ 2 จึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาในชั้นฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย” และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง
พิพากษายืน

Share