แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์รับโอนที่พิพาทเพียงว่า “โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ซื้อมาจากเจ้าของกรรมสิทธิ์และสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์” ย่อมหมายความได้ว่าโจทก์ทราบว่าผู้ขายไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์แล้วยังรับซื้อไว้อีกพอถือได้แล้วว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทโดยไม่สุจริต ไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง ดังนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า จำเลยได้อยู่ในที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารให้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งหกให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินเพราะไม่ได้ซื้อมาจากเจ้าของที่แท้จริงและสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์จำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าจำเลยทั้งหกมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและใช้ค่าเสียหาย จำเลยทั้งหกสำนวนอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งหกสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งหมดฎีกาว่าคำให้การของจำเลยทั้งหกในข้อ 2 และข้อ 3 เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกกล่าวอ้างต่อสู้คดีว่า จำเลยทั้งหกได้อยู่ในที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นควรให้จำเลยทั้งหกนำสืบในประเด็นดังกล่าวนี้ เห็นว่า แม้จำเลยจะให้การในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์รับโอนที่พิพาทเพียงว่า “โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ซื้อมาจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์นั้น” ก็ย่อมหมายความได้ว่าโจทก์ทราบว่าผู้ขายไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์แล้วยังรับซื้อไว้อีกพอถือได้แล้วว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทโดยไม่สุจริตไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 วรรคสอง ดังนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า จำเลยทั้งหกได้อยู่ในที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วหรือไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ให้จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้ดังกล่าวนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งหกข้อนี้ฟังขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งหกข้ออื่นต่อไป”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลย และวินิจฉัยตามที่จำเลยทั้งหกให้การ และมีคำพิพากษาต่อไป