คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3914/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้อง ของ โจทก์ในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึดพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มอบฉันทะให้ ช.มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องและฟังคำสั่งศาล แม้ใบมอบฉันทะจะไม่ระบุชัดว่าให้ฟังคำสั่งศาลในเรื่องอะไร แต่โจทก์ก็ทราบว่าศาลนัดพิจารณาคำร้องกับสืบพยานโจทก์พร้อมกัน และศาลต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ของ โจทก์ด้วย จึงถือได้ว่าโจทก์มอบฉันทะเพื่อฟังคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ของ โจทก์ด้วย เมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและเลื่อนการพิจารณาคำร้องไป โดยให้โจทก์วางเงินค่านำส่งหมายนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติและไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ถือว่าโจทก์ทิ้งคำร้อง และศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์เสียได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองชั่วคราว โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ไว้ ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งยกเลิกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องของโจทก์ ครั้นถึงวันนัดโจทก์มอบฉันทะให้นายชัยรัตน์ แซ่ลิ้ม มาแทน แต่ศาลให้เลื่อนวันนัดพร้อมไปพร้อมกับให้แจ้งวันนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยให้โจทก์วางเงินค่าส่งหมาย ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันเวลานัดพร้อม โจทก์ไม่มาศาลและไม่ได้วางเงินค่าส่งหมาย ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งคำร้องจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มิได้ทิ้งฟ้อง(คำร้อง) เพราะนายชัยรัตน์ แซ่ลิ้ม เป็นเพียงผู้รับมอบฉันทะให้มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องและฟังคำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอถอนฟ้องเท่านั้น มิได้รับมอบให้ดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 23 กันยายน 2528 และกำหนดวันนัดด้วย การที่นายชัยรัตน์ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลรับทราบเรื่องที่ศาลเลื่อนนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไปวันที่25 ธันวาคม 2528 และสั่งให้โจทก์วางเงินค่าส่งหมายให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 7 วัน เป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจตามที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ไม่ผูกพันโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดและคำสั่งศาลดังกล่าวนั้น พิเคราะห์แล้วได้ความว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 23 กันยายน 2528 ขอให้ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมถอนการยึด ศาลชั้นต้นได้นัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องนัดแรกพร้อมกับการนำสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16 ตุลาคม 2528ถึงวันนัดโจทก์มอบฉันทะให้นายสมชัย ประเทืองศิริวงศ์ ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าผู้จัดการห้างหุ้นส่วนโจทก์ป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์และนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องในวันที่26 พฤศจิกายน 2528 ถึงวันนัดโจทก์มอบฉันทะให้นายชัยรัตน์ แซ่ลิ้มมายื่นคำร้องและฟังคำสั่งศาลคำร้องที่นำมายื่นนั้นเป็นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ว่า ศาลไม่อาจจะพิจารณาคำร้องได้เนื่องจากตัวความและทนายไม่มาศาลและโจทก์ยังไม่ได้นำส่งหมายให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องวันที่ 25 ธันวาคม 2528 เวลา 13.30 นาฬิกา แจ้งวันนัดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบและให้โจทก์วางเงินค่าส่งหมายภายใน 7 วัน นายชัยรัตน์ได้ลงชื่อรับทราบในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในใบมอบฉันทะของโจทก์จะระบุไม่ชัดว่าให้นายชัยรัตน์ฟังคำสั่งศาลในเรื่องอะไร แต่โจทก์ก็ทราบอยู่แล้วว่าในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2528 เป็นวันที่ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์และนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องของโจทก์พร้อมกัน ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ด้วย การที่โจทก์มอบฉันทะให้นายชัยรัตน์มาฟังคำสั่งศาลในวันเดียวกันนั้นจึงหมายรวมถึงฟังคำสั่งศาลที่เกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ด้วย เมื่อนายชัยรัตน์ลงชื่อรับทราบคำสั่งศาลในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลดังกล่าว จึงเท่ากับโจทก์ได้รับทราบวันนัดของศาลที่เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องของโจทก์ในวันที่ 25 ธันวาคม 2528และคำสั่งที่ให้โจทก์วางเงินค่าส่งหมายแจ้งวันนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยแล้ว เมื่อถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ทั้งมิได้นำส่งหมายแจ้งวันนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามคำสั่งของศาลจึงถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share