คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัดติดต่อกัน กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือ ส. ได้รับบาดเจ็บ พฤติการณ์ของจำเลย จึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้น หาได้มีเจตนาจะฆ่า ส. อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บทหนึ่งและมาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนขนาด .38 ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายเฉลิม เถื่อนถ้ำแก้ว โดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุให้นายเฉลิมถึงแก่ความตายทันทีแล้วลักเอาสร้อยคอทองคำซึ่งสวมคอผู้ตายไปโดยทุจริต และได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสุวิทย์ ภู่บางบอน ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้นายสุวิทย์ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288, 80, 289, 335พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 7 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2519) ข้อ 3, 6, 7ริบปืน กระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ แต่ปฏิเสธข้อหาอื่น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 7 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2519) ข้อ 3, 6, 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 289 (4), 335 วรรคสอง, 91 ฐานมีอาวุธปืนลงโทษตามมาตรา 72 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 1 ปี พยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก12 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิตฐานลักทรัพย์จำคุก 5 ปี คำรับของจำเลยชั้นจับกุมสอบสวนและชั้นพิจารณาไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่สมควรลงโทษให้เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้วจึงไม่นำโทษความผิดกระทงอื่นมารวมอีก ปืน กระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลางให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 60 ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนักที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต คำรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่สมควรลดโทษให้ เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วก็ไม่อาจนำโทษในความผิดกระทงอื่นมารวมอีกได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์เพียงว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ และการใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นของจำเลยเป็นความผิดหลายกระทงหรือไม่ สำหรับปัญหาข้อแรกศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนปัญหาข้อหลัง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสำหรับปัญหาข้อหลังที่ว่า การใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นของจำเลยเป็นความผิดหลายกระทงหรือไม่นั้น ได้ความจากนายแสงชัยติโลกะนาถ นายวิรัช เถื่อนถ้ำแก้ว และนายสุวิทย์ ภู่บางบอน พยานโจทก์ว่าจำเลยยิงนัดแรกผู้ตายร้องโอ๊ย แล้วจำเลยยิงซ้ำเป็นนัดที่สองพลาดไปถูกนายสุวิทย์ มีนายสมเกียรติ เบิกความสนับสนุนว่า จำเลยยิงทั้งสองนัดติดต่อกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัด ติดต่อกัน กระสุนปืนที่ยิงพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือนายสุวิทย์ได้รับบาดเจ็บพฤติการณ์ของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้นหาได้ไล่ยิงนายสุวิทย์โดยเจตนาจะฆ่านายสุวิทย์อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทงดังที่โจทก์ฎีกาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share