แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องคดีว่าจำเลยนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรหรือรับสินค้าจากผู้ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้เสียค่าภาษีและมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฯ มาตรา27,27 ทวิ นั้น เป็นการฟ้องคดีเกี่ยวด้วยของซึ่งต้องยึดเพราะไม่เสียภาษีต้องด้วยมาตรา 100 ที่จำเลยจะต้องพิสูจน์ว่าสินค้าดังกล่าวได้เสียภาษีถูกต้องแล้ว เมื่อจำเลยมิได้นำสืบและจำเลยเป็นผู้รับสินค้าของกลางจำนวนมากซึ่งเป็นสินค้าจากต่างประเทศมาเก็บไว้ที่บ้าน จึงฟังข้อเท็จจริงได้ว่าสินค้าเหล่านี้มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษี จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฯ มาตรา 27 ทวิ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27, 27 ทวิ พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา16, 17 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 11) มาตรา 3 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489มาตรา 6, 8 ขอให้ริบของกลางทั้งหมดและให้จำเลยจ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานนำสินค้าที่ยังมิได้เสียค่าภาษีและยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้องจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากรโดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิจำคุก 2 ปี ริบของกลาง และให้จ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลยร้อยละยี่สิบของราคาของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ไม่ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นและยึดสินค้าเครื่องไฟฟ้าจำนวน 322 รายการได้ที่บ้านเลขที่ 491/21 และ 491/22 ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลาซึ่งเป็นบ้านของจำเลย สินค้าทั้งหมดมีราคา1,246,563 บาท หากต้องเสียภาษีขาเข้าจะเป็นเงินค่าภาษี1,094,291.63 บาท จำเลยมีอาชีพค้าขายอยู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีปัญหาว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานร่วมกับพวกรับไว้ซึ่งสินค้าของกลางจากผู้นำสินค้าดังกล่าวจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย ช่วยจำหน่ายสินค้าดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา27 ทวิ หรือไม่และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้รับสินค้าเหล่านั้นมาไว้ในบ้านสินค้าของกลางเป็นสินค้าต่างประเทศที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและต้องเสียภาษีและวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27, 27 ทวิ จึงเป็นการฟ้องร้องคดีอันเกี่ยวด้วยของซึ่งต้องยึดเพราะไม่เสียภาษีตามกฎหมายดังกล่าว อันต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 100 ที่จำเลยจะต้องพิสูจน์ว่าของกลางดังกล่าวได้เสียภาษีโดยถูกต้องแล้วจำเลยมิได้นำสืบดังกล่าว คดีจึงฟังข้อเท็จจริงได้ว่า สินค้าของกลางเป็นสินค้าต่างประเทศที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้เสียภาษีและสินค้าของกลางนี้มีเป็นจำนวนมากทั้งปรากฏว่าไม่มีผู้ใดไปแสดงตนว่าเป็นเจ้าของ และสินค้าซุกซ่อนอยู่ จึงเชื่อว่าที่จำเลยรับมาเก็บไว้ในบ้านนั้นจำเลยกระทำไปโดยรู้ว่าเป็นสินค้าต่างประเทศที่นำเข้ามาโดยมิได้เสียภาษี จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2467 มาตรา 27 ทวิ
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.