คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์อนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีโดยผิดระเบียบหลายราย แต่โจทก์ก็ได้ติดตามทวงถามจนได้รับชำระหนี้ครบถ้วนคงเหลือเพียง 2 ราย ในการอนุมัติดังกล่าวจำเลยได้รายงานให้สำนักงานใหญ่ทราบทุกครั้งเป็นวัน ๆ ไป โจทก์หาได้ทักท้วงเป็นกิจจะลักษณะหรือดำเนินการลงโทษจำเลยทางวินัยไม่กลับยอมรับเอาดอกเบี้ยอันเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากการกระทำของจำเลยมาตลอด แสดงว่าโจทก์เต็มใจยอมรับเอาผลเสียหายอันอาจเกิดแก่โจทก์ในอนาคต ไม่ได้ถือเอาการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีโดยผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ เป็นการ กระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างจริงจัง จึงไม่อาจ ถือว่าจำเลยผิดสัญญาตัวแทนโดยการปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบข้อบังคับ ของโจทก์ โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการกระทำของจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารสาขาของโจทก์รับผิดเพราะกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ปราศจากอำนาจและนอกเหนืออำนาจอนุมัติเบิกเงินเกินบัญชีแก่ลูกค้าเกินวงเงินและมิได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่มีหลักทรัพย์เป็นประกันตามระเบียบ ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ได้ความว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาถนนนางลิ้นจี่ มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2522 จนถึงวันที่ 7สิงหาคม 2525 จำเลยจึงได้ลาออก ในช่วงเวลาดังกล่าว จำเลยได้อนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีโดยผิดระเบียบหลายราย แต่โจทก์ก็ได้ติดตามทวงถามจนได้รับชำระหนี้คืนครบถ้วน คงเหลือเพียง 2 รายคือรายของบริษัทยิ่งกาญจนา จำกัด กับบริษัทฟาร์อีสมีเดียเซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งแต่ละรายจำเลยได้อนุมัติโดยผิดระเบียบมาเป็นเวลาช้านาน คือรายบริษัทยิ่งกาญจนาฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2522 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2524 ส่วนรายบริษัทฟาร์อีสมีเดียฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2523 ถึงวันที่ 10มิถุนายน 2524 เมื่อจำเลยอนุมัติให้ลูกค้าของโจทก์เบิกเงินเกินบัญชีโดยผิดระเบียบจำเลยก็ได้รายงานให้สำนักงานใหญ่ของโจทก์ทราบทุกครั้งเป็นวัน ๆ ไปปรากฏว่าโจทก์หาได้ทักท้วงอย่างเป็นกิจจะลักษณะ หรือดำเนินการลงโทษจำเลยทางวินัยไม่ กลับยอมรับเอาดอกเบี้ยอันเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากการกระทำของจำเลยมาตลอด อนึ่ง ลูกค้าที่จำเลยอนุมัติให้เบิกเงินเกินบัญชีไปก็ได้นำเงินมาเข้าบัญชีของตนบ้างเบิกเงินในบัญชีกระแสรายวันไปบ้างมาตลอด เช่น รายบริษัทยิ่งกาญจนาฯ เคยเป็นหนี้สูงสุดถึง 590,000 บาทเศษ ในวันที่ 20เมษายน 2522 หลังจากนั้นก็นำเงินมาเข้าบัญชีจนเป็นเจ้าหนี้ธนาคารโจทก์อีก โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการในเรื่องนี้แต่อย่างใด แสดงว่าโจทก์เต็มใจยอมรับผลเสียหายอันอาจเกิดแก่โจทก์ในอนาคต และเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดว่า โจทก์มิได้ถือเอาการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีโดยผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ เป็นการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างจริงจังแต่อย่างใด ดังจะเห็นได้ว่าในชั้นจำเลยขอลาออกจากการเป็นพนักงานของโจทก์ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2525 โจทก์ก็อนุมัติให้ลาออกแต่โดยดี ทั้ง ๆ ที่ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยอนุมัติให้บริษัทยิ่งกาญจนาฯ และบริษัทฟาร์อีสมีเดียฯ เบิกเงินเกินบัญชีไปโดยผิดระเบียบ และยังเรียกเงินคืนไม่ได้ หลังจากนั้นก็ทิ้งเรื่องนี้ไว้อีกเป็นเวลานานถึง 5 ปีเศษ จึงนำคดีมาฟ้องจำเลย ดังนี้แม้โจทก์ยังไม่สามารถเรียกเงินคืนจากบริษัททั้งสอง ก็ไม่อาจถือว่าจำเลยผิดสัญญาตัวแทน โดยการปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังฟ้อง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าการให้สัตยาบันของโจทก์จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการอยู่อีกหรือไม่ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share