คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับ ช.และม.ร่วมกันไปที่บ้านส.โดยจำเลยทราบดีว่าช.และ ม. ต้องการฆ่าผู้ตาย ช.และม.บังคับส. ให้ไปลวงผู้ตายมาที่บ้าน ส.จำเลยไปกับส. ด้วยโดยไม่ปรากฏว่าถูกขู่บังคับเมื่อผู้ตายมาที่บ้าน ส. แล้วจะกลับที่พักจำเลยถือตะเกียงเดินตามหลังผู้ตายไปเพื่อให้คนร้ายยิงผู้ตายไม่ผิดตัว การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงเป็นตัวการในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289,83 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือน เมื่อศาลลงโทษประหารชีวิตแล้ว ไม่อาจเรียงกระทงลงโทษได้อีกให้ลงโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘จากข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยมาที่บ้านนายสนิทกับนายชนะและนายมงคลโดยจำเลยทราบดีว่าคนทั้งสองต้องการฆ่าผู้ตาย เมื่อนายชนะบังคับให้นายสนิทไปลวงผู้ตายให้ออกจากที่พัก จำเลยก็ไปกับนายสนิทด้วย ครั้นผู้ตายมายังที่พักของนายสนิทแล้วจะกลับที่พักของผู้ตาย จำเลยได้ถือตะเกียงตามหลังผู้ตายไป จนผู้ตายถูกยิงตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การฆ่าผู้ตายบรรลุผลสำเร็จ เข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งคืนเกิดเหตุเป็นคืนเดือนหงาย ขณะจำเลยกับนายสนิทไปลวงผู้ตายมายังที่พักของนายสนิทก็ไม่มีตะเกียงส่องทางแต่อย่างใด ดังนั้นการที่จำเลยเอาตะเกียงจากบ้านนายสนิทถือตามหลังผู้ตาย ก็เพื่อให้ความสะดวกแก่คนร้ายในการเข้ายิงผู้ตายโดยไม่ผิดตัวและพลาดมาถูกจำเลยนั่นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นการสมคบกับคนร้ายเป็นตัวการในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้อง ที่จำเลยนำสืบเป็นทำนองว่า จำเลยกระทำไปเพราะถูกนายชนะกับนายมงคลขู่บังคับนั้น คงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยเพียงว่า ขณะที่รอนายชนะไปตามนายสนิทออกมา นายมงคลได้ใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะจำเลยไม่ให้จำเลยหลบหนีเท่านั้น แต่ขณะที่นายชนะกับนายมงคลชวนจำเลยไปที่พักนายสนิทและบอกว่าจะฆ่าผู้ตายตลอดจนนายชนะเอาอาวุธปืนสั้นมาเหน็บที่เอวจำเลย ไม่ปรากฏว่าคนทั้งสองขู่บังคับหรือจำเลยแสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด นอกจากนี้ขณะที่จำเลยกับนายสนิทไปลวงผู้ตายมายังที่พักของนายสนิท หากจำเลยถูกขู่บังคับไม่เต็มใจกระทำก็สามารถหลบหนีได้โดยสะดวก แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ กลับถือตะเกียงเดินตามหลังผู้ตายเพื่อให้คนร้ายยิงผู้ตายได้โดยไม่ผิดตัวดังกล่าวข้างต้น เช่นนี้จะฟังว่าจำเลยถูกขู่บังคับได้อย่างไร ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share