แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมีปัญหาแต่เพียงว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ที่ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารโดยไม่ไต่สวนพยานของผู้ร้องก่อนไม่ชอบ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ ผู้ร้องก็มิได้อุทธรณ์คำสั่ง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไว้ด้วยว่า นอกนั้นให้รับเป็นอุทธรณ์ แต่เมื่ออุทธรณ์ของผู้ร้องไม่มีประเด็นขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์เสียแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาให้ยกอุทธรณ์เสียได้
ย่อยาว
เดิมโจทก์ฟ้องว่า  จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถว ๔ ห้องให้บริวารจำเลยอยู่อาศัย  สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว  ขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารรื้อห้องแถวออกไป  ผลที่สุดจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ  ยอมยกห้องแถวทั้ง ๔ ห้องให้โจทก์  โจทก์ให้จำเลยและบริวารอยู่อาศัยในห้องทั้ง ๔ ได้อีก ๑ เดือน  ศาลพิพากษาตามยอม
ครบกำหนดตามยอมแล้ว  โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว  แต่ผู้ร้องทั้ง ๔  คนซึ่งเป็นบริวารของจำเลยหาปฏิบัติตามไม่  ขอให้ศาลเรียกมาสอบถามและบังคับ
ศาลสอบถามผู้ร้อง  ผู้ร้องทั้ง ๔  รับว่าอยู่อาศัยในห้องแถวรายนี้จริง  ต่างอยู่มาคนละหลายปีแล้วโดยเช่าจากจำเลย  โจทก์ก็รู้เห็น  ผู้ร้องขออยู่ต่อไป ๑ ปี
โจทก์แถลงว่า  ไม่รู้เห็นแต่อย่างใดในการที่จำเลยให้ผู้ร้องทั้ง ๔ เช่าช่วง  โจทก์ยอมให้อยู่ได้อีกเพียง ๖ เดือน  แล้วทั้ง ๒ ฝ่ายขอให้ศาลมีคำสั่งชี้ขาดไป  ศาลเห็นว่าฝ่ายผู้ร้องอ้างว่าเช่าช่วงจากจำเลยโดยโจทก์รู้เห็น  แต่โจทก์ปฏิเสธและทั้งสองฝ่ายต่างแถลงขอให้ศาลชี้ขาด  เช่นนี้  ย่อมฟังได้ว่าโจทก์ไม่รู้เห็นด้วย  การเช่าช่วงจึงไม่ชอบ  ไม่ผูกพันโจทก์  ผู้ร้องไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาท  จึงมีคำสั่งให้ขับไล่ผู้ร้องออกไปภายใน ๖ เดือนนับแต่วันที่สั่ง
ผู้ร้องทั้ง ๔ อุทธรณ์ว่า  ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยเพราะโจทก์ไม่รู้เห็นยินยอมด้วยในการเช่าช่วง  โดยไม่ไต่สวนเสียก่อนไม่ชอบ  ถ้าเป็นจริงดังที่ผู้ร้องอ้าง  ผู้ร้องย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔
ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ผู้ร้องว่า  ผู้ร้องขอให้ศาลชี้ขาดโดยไม่ขอให้ศาลสืบพยานไต่สวนอย่างใด  จะกลับมาอุทธรณ์ขอให้สืบพยานหรือไต่สวนอีก  กับยกเอาพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ  มาอ้างในชั้นอุทธรณ์  โดยมิได้ยกขึ้นว่ามาแต่ศาลชั้นต้น  เป็นการต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕  ไม่รับอุทธรณ์ ๒ ข้อนี้  นอกนั้นให้รับเป็นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  อุทธรณ์ของผู้ร้องมีประเด็นเพียง ๒ ข้อ  ซึ่งศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น  ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ๒ ข้อนี้  ผู้ร้องก็มิได้อุทธรณ์คำสั่ง  จึงเป็นอันสิ้นสุด  ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์มา  ก็ไม่มีประเด็นอื่นที่ผู้ร้องอุทธรณ์อีก  จึงให้จำหน่ายคดีจากสารบบความศาลอุทธรณ์
ผู้ร้องฎีกาว่า  อุทธรณ์ทั้ง ๒ ข้อของผู้ร้องยังไม่สิ้นสุด  อุทธรณ์ข้ออื่นของผู้ร้องยังมีอีกคือการเช่าห้องของผู้ร้อง  โจทก์รู้เห็นยินยอมหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า  คดีมีปัญหาว่าผู้ร้องทั้ง ๔ เป็นบริวารของจำเลยหรือไม่  ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องทั้ง ๔ คนเป็นบริวารของจำเลยให้ขับไล่  ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าที่ศาลชั้นต้นฟังว่า  ผู้ร้องเป็นบริวารโดยไม่ไต่สวนพยานของผู้ร้องก่อนไม่ชอบ  แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้เสียแล้ว  ผู้ร้องหาได้อุทธรณ์คำสั่งไม่  มีแต่อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งที่ให้ขับไล่ผู้ร้องนั้นเท่านั้น  ดังนั้น  ฟ้องอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงไม่มีประเด็นข้อนี้ขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์  เมื่อไม่มีประเด็นสู่ศาลอุทธรณ์แล้วศาลชั้นต้นยังสั่งรับเป็นอุทธรณ์นอกจากนี้  (ซึ่งไม่มี)  อีก ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาให้ยกอุทธรณ์เสียได้  และผู้ร้องจะฎีกาต่อมาในทำนองเดียวกันให้ศาลฎีกาวินิจฉัยอีกไม่ได้
พิพากษายืนในผลที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้อง

