คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบ ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้น ดังนี้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ ขอให้จำเลยที่ 1 คืนหุ้นและใบหุ้นเลขที่ 10934ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้นแก่โจทก์ ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นเลขที่ 10934 ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น และให้จำเลยที่ 1 รับเงินจำนวน 1,134,000 บาท คืนไปจากโจทก์ ให้จำเลยที่ 2 คืนหุ้นและใบหุ้น หุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566หุ้นแก่โจทก์ ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยสิทธิหุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น และให้จำเลยที่ 2 รับเงินจำนวน 1,132,000 บาท คืนไปจากโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การสู้คดีว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2535 โจทก์ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 24/2535 ขึ้น และในการประชุมดังกล่าว โจทก์ได้มีมติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคนในอัตราหุ้นละ 200 บาท เว้นแต่หุ้นของจำเลยที่ 1 จำนวน 567หุ้น และหุ้นของจำเลยที่ 2 จำนวน 566 หุ้น ที่กำลังพิพาทเป็นคดีนี้รวม 1,133 หุ้น ซึ่งจำเลยทั้งสองมีสิทธิได้รับเงินปันผลจำนวน 226,600 บาท จำเลยทั้งสองได้ขอให้โจทก์จ่ายเงินปันผลดังกล่าวแต่โจทก์ไม่ยอมจ่ายโดยโจทก์แจ้งว่าจะเก็บรักษาเงินนั้นไว้ที่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงจะจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จำเลยทั้งสอง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหายไม่สามารถนำเงินดังกล่าวไปหาประโยชน์ได้ หากนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์นำเงินจำนวน 226,600 บาท มาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
ชั้นพิจารณาคำร้อง โจทก์และจำเลยทั้งสองยอมรับข้อเท็จจริงกันว่า ในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นของโจทก์ ที่ประชุมได้มีมติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอัตราหุ้นละ 200 บาท และไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่หุ้นพิพาท จำเลยทั้งสองคัดค้านและให้ลงมติให้โจทก์จ่ายเงินปันผล หากไม่ยอมจ่ายให้นำเงินดังกล่าวไปฝากธนาคารในนามโจทก์หรือจำเลยทั้งสองหรือร่วมกันแล้วนำสมุดบัญชีเงินฝากมามอบให้ศาลเก็บรักษาไว้ ผลการลงมติปรากฏว่าจำเลยแพ้มติ โจทก์จึงมีมติไม่จ่ายเงินปันผลจำนวน 226,600บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองและจะไม่นำเงินดังกล่าวไปฝากธนาคารตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอ แต่จะจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้แก่จำเลยทั้งสองเมื่อจำเลยทั้งสองชนะคดีและคดีถึงที่สุด โดยโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นพิพาทตามสิทธิที่จำเลยทั้งสองได้จำนวน 1,133 หุ้น เป็นเงินจำนวน 226,600 บาทไปเปิดบัญชีฝากธนาคารในนามของจำเลยทั้งสองแล้วให้โจทก์นำสมุดบัญชีเงินฝากดังกล่าวมาให้ศาลเก็บรักษาไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหากฝ่ายใดชนะคดีก็ให้ฝ่ายนั้นรับสมุดบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปถอนเงินต้นและดอกเบี้ยไปได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามคำร้องได้หรือไม่ เห็นว่าการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอ เพื่อให้ทรัพย์สินสิทธิ หรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้รับคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีตามคำพิพากษา คดีนี้โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพาทกันเกี่ยวกับหุ้นโดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ ขอให้จำเลยที่ 1 คืนหุ้นและใบหุ้นเลขที่ 10934ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นโดยอาศัยหุ้นเลขที่ 10934 ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น และรับเงินจำนวน1,134,000 บาท คืนไปจากโจทก์ ให้จำเลยที่ 2 คืนหุ้นและใบหุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น และให้จำเลยที่ 2 รับเงินจำนวน 1,132,000 บาท คืนไปจากโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบจำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วยซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะ ศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองไว้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาด้วยการให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นพิพาทไปฝากธนาคารไว้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง

Share