คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นเรื่องตีความข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเรียกเก็บค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1(2) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งคือ 200 บาท

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องให้จำเลยที่ 6ส่งมอบ น.ส.3 เลขที่ 111, 125, 138, 139 และ 145 ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ให้แก่โจทก์และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนที่ดินตาม น.ส.3 ดังกล่าวซึ่งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 กับพวกอีก 2 คนได้ทำสัญญาจะขายที่ดินทั้ง5 แปลงพร้อมที่ดินมือเปล่าอีก 3 แปลง รวม 8 แปลง ให้แก่โจทก์ต่อมาวันที่ 18 เมษายน 2534 โจทก์กับจำเลยทั้งหกได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์ผิดนัดไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 1จำเลยที่ 6 จึงปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 5 และจะเข้าครอบครองที่ดินทั้ง 8 แปลงตามฟ้องทั้งหมดแต่โจทก์ไม่ยอม วันที่27 กุมภาพันธ์ 2535 จำเลยที่ 6 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นตีความข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ที่ดินพิพาทที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความรวมถึงที่ดินมือเปล่าทั้ง 3 แปลงด้วยหรือไม่ ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536วินิจฉัยว่ารวมถึงที่ดินมือเปล่าทั้ง 3 แปลงด้วย
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งโดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ ครั้นวันที่9 มีนาคม 2536 โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มอีก 7,100 บาทศาลชั้นต้นได้สั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์สำเนาให้จำเลย ต่อมาวันที่17 มีนาคม 2536 โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขอุทธรณ์ว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นและสั่งคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ จำนวน 7,100 บาท ให้แก่โจทก์และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่ จำหน่ายคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ขอถอนอุทธรณ์เฉพาะคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 243/2534 ของศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 244/2534ของศาลชั้นต้นด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 243/2534 และดำเนินการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 244/2534 เกี่ยวกับอุทธรณ์คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีและคำร้องขอคืนค่าฤชาธรรมเนียมต่อไปนั้นเห็นว่า ศาลอุทธรณ์จำหน่ายคดีนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่จึงพอถือได้ว่าโจทก์ฎีกาในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขอุทธรณ์ในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไว้แล้วโจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นเรื่องตีความข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเรียกเก็บค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1(2) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งคือเรื่องละ 200 บาท การที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามทุนทรัพย์จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์สั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่ก็เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขฎีกาของโจทก์ ข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 7,100 บาทที่เสียเกินมาให้โจทก์ โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาสำนวนละ200 บาท ซึ่งเป็นอัตราอย่างต่ำจึงไม่คืนให้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลอุทธรณ์

Share