คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6539/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 โดยผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 20,000 บาทศาลพิพากษาตามยอม ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว ศาลออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้ให้ตรงตามระยะเวลาเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิบังคับคดีได้ทันที การที่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ยังไม่บังคับคดีและรับชำระหนี้ต่อมาเป็นเพียงการผ่อนผันให้เท่านั้น ไม่ใช่การสละสิทธิในการบังคับคดีหรือสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 วรรคสอง โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จะบังคับคดีเมื่อใดก็ได้ตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายและเมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จึงขอบังคับคดี การที่ศาลออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย แม้ภายหลังผู้ร้องจะชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 รับไว้ ก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่ 1ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้จะรับชำระหนี้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและไม่ทำให้หมายบังคับคดีกลับเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนหมายบังคับคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 1 ที่ 4ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยที่ 1 ที่ 4 ยอมชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จำนวน 2,855,449 บาท จะผ่อนชำระทุกวันที่ 6ของเดือนนับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2530 จนกว่าจะครบ ผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทุกงวดให้บังคับคดีได้ทันที ศาลพิพากษาตามยอมผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อมาโจทก์ที่ 1ที่ 2 ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่ 4 และผู้ร้องโดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 ที่ 4 ผิดนัดชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ได้ผิดนัด ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี และปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลมีคำพิพากษาตามยอม และออกคำบังคับแล้วเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาดังกล่าวย่อมเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิบังคับคดีได้ทันทีการที่ยังไม่ได้บังคับคดีเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ผิดนัดงวดก่อน ๆและยังยอมรับชำระหนี้ต่อมาเป็นเพียงการผ่อนผันให้เท่านั้น ไม่ใช่การสละสิทธิในการบังคับคดี หรือสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 154 วรรคสอง โจทก์ที่ 1ที่ 2 จะบังคับคดีเมื่อใดก็ได้ตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมาย และเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ การที่ศาลออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้ผู้ร้องจะชำระหนี้ในภายหลัง และโจทก์ที่ 1 ที่ 2 รับไว้ ก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้จะรับชำระหนี้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และไม่ทำให้การออกหมายบังคับคดีกลับเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีเหตุที่จะสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี
พิพากษายืน

Share