คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6336/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคแรก กระทำโดยมีอาวุธปืนแต่มิได้ใช้ก็ดี กระทำโดยมีและใช้อาวุธปืนก็ดีล้วนเป็นความผิดที่ต้องระวางโทษตามวรรคสองทั้งสิ้น ดังนั้นแม้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนแต่มิได้ใช้อาวุธปืนนั้น จำเลยก็ยังมีความผิดต้องระวางโทษตามที่ ป.อ.มาตรา 276 วรรคสองบัญญัติไว้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาให้การใหม่ รับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง จำคุก 15 ปี คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีและใช้อาวุธปืน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน… ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนซึ่งจำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงย่อมฟังได้เป็นยุติเมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย…ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี…
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน…ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี…” ซึ่งหมายความว่าการกระทำความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธปืน แต่มิได้ใช้ก็ดี หรือการกระทำความผิดตามวรรคแรกโดยมีและใช้อาวุธปืนก็ดีล้วนเป็นความผิดที่ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276วรรคสอง บัญญัติไว้ทั้งสิ้น จำเลยจึงต้องมีความผิดต้องระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ตามข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้ว ดังนั้นแม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนแต่มิได้ใช้อาวุธปืนตามที่จำเลยฎีกาจำเลยก็ยังมีความผิดต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง บัญญัติไว้อยู่ดี ฉะนั้นข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวแล้วจึงไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ไปได้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีที่จะวินิจฉัย ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.

Share