คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4680/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนำ แต่ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของเหรียญเงินที่ ว. นำไปจำนำแก่จำเลย แล้วจำเลยไม่ยอมคืนให้เมื่อมีการไถ่จำนำ ซึ่งเท่ากับว่าจำเลยได้แย่งกรรมสิทธิ์ในเหรียญเงินของโจทก์มาเป็นของตน โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 จึงมีอำนาจฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปี 2522 โจทก์ให้นายวีระพงษ์บุตรชายนำเหรียญเงินรัชกาลที่ 5 ของโจทก์ ชนิดราคาหนึ่งบาท จำนวน15 เหรียญ ไปจำนำไว้แก่จำเลยทั้งสามเป็นเงิน 1,500 บาท โจทก์ไม่ได้ไถ่ในกำหนด แต่ได้ส่งดอกเบี้ยตลอดมาจนถึงวันที่ 21 สิงหาคม2527 โจทก์ไปขอไถ่ แต่จำเลยนำเหรียญชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่ของโจทก์มาให้ การกระทำของจำเลยเป็นละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย เหรียญของโจทก์เป็นเงินแท้และเป็นของเก่าโบราณ ปัจจุบันซื้อขายกันในท้องตลาดเหรียญละ 15,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสามคืนเหรียญเงินของโจทก์จำนวน 15 เหรียญ แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ขอให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน225,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่เคยนำเหรียญใด ๆ ไปจำนำไว้แก่จำเลยที่ 1 มีแต่นายกุ้ยเป้า แซ่เอี้ยว นำเหรียญตามเอกสารท้ายฟ้องจำนวน 15 เหรียญ ไปจำนำไว้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยจำเลยที่ 1 ไม่เคยรับจำนำเหรียญเงินลักษณะดังที่โจทก์ฟ้องจากโจทก์หรือนายวีระพงษ์หรือนายกุ้ยเป้า เหรียญพิพาทมีราคาอย่างมากไม่เกินเหรียญละ 100 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเหรียญของโจทก์ 15 เหรียญ แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเหรียญรวมเป็นเงิน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยทั้งสามฎีกาเฉพาะประเด็นข้อพิพาทที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่เท่านั้นโดยฎีกาว่าจำเลยมีนิติสัมพันธ์กับนายวีระพงษ์ซึ่งเป็นคู่สัญญาเท่านั้น ส่วนโจทก์แม้จะเป็นเจ้าของเหรียญจริงก็ไม่มีอำนาจฟ้อง อันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เหรียญเงินที่นายวีระพงษ์นำไปจำนำไว้แก่จำเลยที่ 1 เป็นของโจทก์ และเหรียญเงินที่จำเลยที่ 1 มอบคืนให้เมื่อมีการไถ่จำนำมิใช่เหรียญเงินของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนำ แต่ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของเหรียญเงินที่นายวีระพงษ์นำไปจำนำแก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 ไม่ยอมคืนเหรียญเงินของโจทก์ให้เมื่อมีการไถ่จำนำ ซึ่งเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 ได้แย่งกรรมสิทธิ์ในเหรียญเงินของโจทก์มาเป็นของตนโจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามได้
พิพากษายืน.

Share