แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์อันเป็นการยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 181 ไม่ใช่เป็นการยกฟ้องโดยเหตุที่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่11 ธันวาคม 2532 โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2532 หลังจากศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องเพียง3 วัน ยังไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันศาลยกฟ้อง ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ได้แสดงเหตุที่มาไม่ได้ไว้ด้วยแล้ว ซึ่งหากเป็นความจริงตามคำร้องก็นับว่ามีเหตุสมควรที่มาไม่ได้ จึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อน จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดนั้นมีเหตุสมควรหรือไม่ การยื่นคำร้องเช่นนี้ไม่จำต้องยื่นเสียในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรืออย่างน้อยในวันรุ่งขึ้น การที่โจทก์มายื่นคำร้องหลังจากศาลชั้นต้นยกฟ้อง 3 วัน ก็ยังมิได้แสดงว่าโจทก์ไม่นำพาคดี ถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัดอันจะต้องยกคำร้องของโจทก์เสีย.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปาก โจทก์แถลงว่า ยังเหลือพยานโจทก์อีกเพียงปากเดียวคือสมุห์บัญชีของธนาคาร ขอเลื่อนศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยในวันที่11 ธันวาคม 2532 เวลา 8.30 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัด เจ้าหน้าที่ศาลได้ทำรายงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อศาลว่า ได้ประกาศเรียกคู่ความตั้งแต่เวลา 8.30 นาฬิกา จนถึง 11.00 นาฬิกา ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยมาศาลส่วนโจทก์ไม่มา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่11 ธันวาคม 2532 ว่า “นัดสืบพยานโจทก์ จำเลยและทนายจำเลยมาศาลส่วนโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องถือว่าโจทก์ไม่มาศาลตามนัด จึงให้ยกฟ้อง” ต่อมาเมื่อวันที่ 14ธันวาคม 2532 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มีได้จงใจขาดนัดแต่อย่างใด เหตุที่มิได้มาศาลตามนัดเพราะทนายโจทก์ได้เดินทางไปธุระที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2532และได้เดินทางกลับจังหวัดนครปฐมในวันที่ 11 ธันวาคม 2532แต่ระหว่างทางรถคันที่ทนายโจทก์ขับเกิดเสีย ไม่สามารถซ่อมให้เสร็จได้โดยเร็ว กว่าจะกลับมาถึงศาลจังหวัดนครปฐมก็เป็นเวลา 12.00 นาฬิกาซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ไปแล้ว ขอให้ศาลทำการไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้ใหม่ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในวันที่ 25 มกราคม 2533 เวลา 8.30 นาฬิกา
ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้พิเคราะห์คำสั่งของศาลในคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของทนายโจทก์ลงวันที่ 14 ธันวาคม2532 แล้ว ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ หมายถึงศาลถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องซึ่งโจทก์จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ขาดนัด คำสั่งให้นัดไต่สวนดังกล่าวจึงเป็นการสั่งไปโดยผิดพลาดให้เพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ว่าคำร้องของทนายโจทก์ ไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามรายงานกกระบวนพิจารณาลงวันที่ 11 ธันวาคม 2532 ที่ให้ยกฟ้องนั้น หมายถึงให้ยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 มิใช่เพราะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกคดีโจทก์ขึ้นมาพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้อง โจทก์จึงขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ ให้ยกคำร้องนั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา แต่อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำร้องของโจทก์ได้ระบุว่า ทนายโจทก์ได้กลับมาถึงศาลจังหวัดนครปฐมเวลา 12.00 นาฬิกา ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ไปแล้วทนายโจทก์ย่อมมีโอกาสยื่นคำร้องในวันนั้นก่อนเวลา 16.30 นาฬิกาได้หรืออย่างน้อยก็ยื่นคำร้องในวันรุ่งขึ้นได้ แต่ทนายโจทก์กลับปล่อยให้ล่วงเลยไปถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2532 เวลา 14.30 นาฬิกา จึงมายื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยมิได้ระบุว่าเหตุใดจึงยื่นล่าช้าเช่นนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์มิได้นำพาต่อคดีของโจทก์เลยจึงถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดคดี คดีจึงไม่มีเหตุสมควรให้ยกคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้อง คดีของโจทก์หรืออย่างช้าในวันรุ่งขึ้น ถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว พิพากษายืนให้ยกคำร้องของโจทก์นั้น ชอบด้วยกระบวนพิจารณาหรือไม่ เห็นว่ากรณีนี้เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 181 ซึ่งในวรรคสองของมาตรา 166 นั้นเอง ได้บัญญัติว่า “คดีที่ศาลได้ยกฟ้องดังกล่าวแล้ว ถ้าโจทก์มาร้องภายในสิบห้าวันนับแต่วันศาลยกฟ้องนั้นโดยแสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ก็ให้ศาลยกคดีนั้นขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่” และมาตรา 181 ก็บัญญัติให้นำมาตรา 166มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลม จากบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันศาลยกฟ้อง คดีนี้ศาลสั่งยกฟ้องคดีของโจทก์เมื่อวันที่11 ธันวาคม 2532 โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2532 หลังจากศาลสั่งยกฟ้องแล้วเพียง 3 วันทั้งในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวก็ได้แสดงเหตุที่มาไม่ได้ไว้ด้วยแล้วซึ่งถ้าหากเป็นจริงตามคำร้องก็นับว่ามีเหตุอันสมควรที่มาไม่ได้จึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดนั้นมีเหตุอันสมควรหรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์เพิ่งมายื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14ธันวาคม 2532 แสดงว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคดีถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัดแล้วพิพากษายกคำร้องของโจทก์นั้น จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 166 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 181 ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2532แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.