คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3245/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยตกลงกับโจทก์ว่าจะดำเนินการให้บุตรโจทก์ได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าวัดเลียบโดยคิดค่าบริการจากโจทก์ ถ้าไม่ได้จะคืนเงินทั้งหมดให้โจทก์ โจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยไปก่อนส่วนหนึ่งแต่ต่อมาจำเลยไม่สามารถดำเนินการให้บุตรโจทก์เข้าทำงานได้ครั้นโจทก์ทวงถามเงินคืน จำเลยก็ทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวนที่รับไปนั้นให้โจทก์ไว้ ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ให้เงินจำเลยไปเพื่อให้จำเลยดำเนินการในทางไม่ชอบหรือนำเงินที่ได้รับจากโจทก์ไปดำเนินการในทางไม่ชอบเพื่อให้บุตรโจทก์ได้เข้าทำงาน สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศิลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาสาจะนำบุตรโจทก์เข้าทำงานที่การไฟฟ้าวัดเลียบโดยคิดค่าบริการ 60,000 บาท ถ้าไม่สามารถนำเข้าทำงานได้จะคืนเงินให้โจทก์ โจทก์ได้ให้เงินแก่จำเลยไปก่อน 20,000 บาทต่อมาจำเลยนำบุตรโจทก์เข้าทำงานไม่ได้ จึงตกลงใหม่ว่าจะนำบุตรโจทก์ไปเข้าทำงานที่สำนักงานเทศบาลเมืองสระบุรี โจทก์ตกลง แต่จำเลยก็ไม่สามารถนำบุตรโจทก์เข้าทำงานได้อีก โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินจำเลยจึงได้ทำสัญญากู้เงินจำนวน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปี มอบไว้แก่โจทก์ แล้วจำเลยผิดนัด ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาให้แก่โจทก์จริง ขอให้ศาลสัญญาประนีประนอมยอมความ และพิพากษาตามยอม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญานั้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยจำเลยจะดำเนินการให้บุตรโจทก์ได้เข้าทำงานจำเลยคิดค่าบริการจากโจทก์ 60,000 บาท ถ้าบุตรโจทก์เข้าทำงานไม่ได้จำเลยจะคืนเงินทั้งหมดให้โจทก์ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ให้เงินจำเลยไปเพื่อให้จำเลยดำเนินการในทางไม่ชอบ หรือนำเงินที่ได้รับจากโจทก์ไปดำเนินการในทางไม่ชอบเพื่อให้บุตรโจทก์ได้เข้าทำงาน สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้ยืมตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share