คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ อ. รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือแล้วนำไปมอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท และแม้ อ. จะสามารถรับเงินแทนห้างฯ ได้ ก็ในฐานะผู้แทนของห้างฯ เท่านั้น อ. จึงมิใช่ผู้เสียหาย ซึ่งจะมีอำนาจร้องทุกข์ในคดีเกี่ยวกับเช็คพิพาทตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คมอบให้แก่นายโอภาส ผู้เสียหายผู้เสียหายได้นำเช็ค ฉบับนี้ไปเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุก 9 เดือนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อนายโอภาส รับเช็คจากจำเลยแล้วก็นำไปให้ห้างหุ้น ส่วนจำกัดนราโอภาส ซึ่งนายโอภาส เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการรับไว้ แล้วนำเช็คเข้าบัญชีของห้างดังกล่าวเห็นว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ เพราะฉะนั้นเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดนราโอภาส ซึ่ง เป็นนิติบุคคลต่างหากจากนายโอภาส ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็เป็นผู้ทรง นายโอภาส มิใช่ผู้ทรงแม้จะได้ความว่า นายโอภาส สามารถเบิกรับเงินแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดนราโอภาส ได้ก็ทำในฐานะผู้แทนของห้างดังกล่าวเท่านั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดนราโอภาส เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขณะที่ธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นผู้เสียหาย นายโอภาส มิใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในฐานะส่วนตัวให้ดำเนินคดีแก่จำเลย พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน.

Share