แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าของแพขนานยนต์รับจ้างบรรทุกรถยนต์ข้ามฟากการที่ลูกจ้างของจำเลยจัดให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่บรรทุกสินค้าน้ำหนักมากลงในแพขนานยนต์เพื่อบรรทุกข้ามฟากโดยมิได้ระมัดระวังว่าแพขนานยนต์จะรับน้ำหนักได้เพียงใดและจัดให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่มีน้ำหนักมาก จำนวน 3 คัน จอดไว้ทางด้านท้ายแพขนานยนต์ ทำให้ส่วนท้ายต้องรับน้ำหนักมากและจมลง เป็นเหตุให้รถยนต์ที่บรรทุกอยู่บนแพขนานยนต์ไหลไปทางท้าย และกระแทกกันจนบางคันตกลงในทะเลเห็นได้ว่าลูกจ้างของจำเลยมิได้ระมัดระวังในการรับจ้างบรรทุกรถยนต์จึงได้เกิดเหตุขึ้น นับได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างของจำเลยก่อขึ้นในทางการที่จ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุฟาสเตอร์แซดหมายเลขทะเบียน บ-0023 สงขลา จำเลยเป็นกรมในรัฐบาล สังกัดกระทรวงคมนาคมมีหน้าที่ให้บริการสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการขนส่งและเป็นเจ้าของผู้ครอบครองเรือแพขนานยนต์ เลขประจำเรือแพที่ 6 ใช้สำหรับรับจ้างขนรถยนต์หรือคนโดยสารข้ามฟาก ฝั่งหัวเขาแดง-สงขลา มีนายบุญชอง แสงโพรง นายผล ปานเพชรเป็นผู้ควบคุมการเดินเรือและคนอื่น ๆ อีก 7 คน ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลย เป็นผู้ควบคุมการเดินเรือและจัดการตรวจปริมาณ จำนวน ขนาด และน้ำหนักรถที่จะบรรทุกข้ามฟากเพื่อความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนโจทก์ได้นำรถยนต์กระบะของโจทก์ซึ่งบรรทุกเครื่องใช้ในการก่อสร้างเพื่อข้ามฟากจากฝั่งหัวแดงไปยังฝั่งอำเภอเมืองสงขลาโดยว่าจ้างเรือแพขนานยนต์ของจำเลยดังกล่าว บรรทุกข้ามฟาก มีลูกจ้างทั้งหมดของจำเลยเป็นผู้ควบคุมจัดการให้ลงเรือแพตามทางการที่จ้างของจำเลย แต่ด้วยความประมาทของลูกจ้างจำเลยที่ปล่อยให้รถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักมากจำนวนหลายคันลงบรรทุกในเรือแพดังกล่าวจนน้ำหนักเกินพิกัดที่เรือแพของจำเลยจะบรรทุกได้ ครั้นจะถึงฝั่งอำเภอเมืองสงขลาลูกจ้างของจำเลยกลับเร่งความเร็วของเรือแพ เป็นเหตุให้ส่วนท้ายของเรือแพจมลงไปในน้ำ รถยนต์บรรทุกเสียหลักเคลื่อนมาทับถมกัน บางคันตกลงไปในน้ำได้รับความเสียหาย และเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์พร้อมทั้งสินค้าในรถจมลงไปในน้ำทั้งคันและกระแทกกับรถคันอื่นได้รับความเสียหาย สินค้าของโจทก์สูญหายหมด จำเลยในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 195,650 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เหตุที่เกิดไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลย แต่เพราะความประมาทของโจทก์กับรถยนต์บรรทุกสิบล้ออีก 3 คัน และรถยนต์บรรทุกเล็กอีกหลายคันที่บรรทุกสินค้าเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและตามข้อกำหนดของจำเลยที่ห้ามลงเรือแพ เป็นเหตุให้เรือแพขนานยนต์รับน้ำหนักเกินกว่าความสามารถที่จะทำได้ตามปกติ เพราะโจทก์และผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าวปกปิดน้ำหนักบรรทุกที่แท้จริงแก่เจ้าหน้าที่ของจำเลย ทำให้แพยุบตัวและน้ำเข้าแพจำนวนมาก เครื่องสูบน้ำในท้องเรือไม่สามารถสูบน้ำออกได้ทัน ทั้งโจทก์และรถยนต์บรรทุกอื่น ๆไม่ห้ามล้อขณะจอดตามที่จำเลยประกาศทำให้เกิดการไหลกระทบกัน รถที่บริเวณหัวแพไหลไปทางท้ายเรือ ทำให้ส่วนท้ายเรือแพจมทะเล ความเสียหายจึงไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลย รถยนต์ของโจทก์เสียหายมีเพียงเล็กน้อยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 75,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยเป็นเจ้าของแพขนานยนต์รับจ้างบรรทุกรถยนต์ข้ามฟาก เมื่อลูกจ้างจำเลยจัดให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่บรรทุกสินค้าน้ำหนักมากลงไปในแพขนานยนต์เพื่อบรรทุกข้ามฟากโดยมิได้ระมัดระวังว่าแพขนานยนต์จะรับน้ำหนักได้เพียงใด และรถยนต์บรรทุกสิบล้อที่มีน้ำหนักมาก จำนวน 3 คัน ลูกจ้างจำเลยได้จัดให้จอดไว้ทางด้านท้ายแพขนานยนต์ ทำให้ส่วนท้ายต้องรับน้ำหนักมากเมื่อส่วนท้ายแพขนานยนต์จมลง ทำให้รถยนต์ที่บรรทุกอยู่บนแพขนานยนต์ไหลไปทางท้ายและกระแทกกันจนบางคันตกลงในทะเล เห็นได้ว่าลูกจ้างจำเลยมิได้ระมัดระวังในการรับจ้างบรรทุกรถยนต์แต่อย่างใดเลย จึงได้เกิดเหตุขึ้น นับได้ว่าความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลย ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเป็นความผิดของรถยนต์บรรทุกสิบล้อที่มิได้ห้ามล้อในขณะจอดรถนั้น แม้จะเป็นความจริงอย่างจำเลยอ้าง ถ้าหากลูกจ้างจำเลยได้จัดการระมัดระวังไม่ให้แพขนานยนต์บรรทุกน้ำหนักเกินอัตราหรือเฉลี่ยให้รถยนต์บรรทุกอยู่ส่วนอื่นของแพขนานยนต์บ้างแพขนานยนต์คงจะไม่ล่ม เมื่อลูกจ้างจำเลยที่มีหน้าที่จัดให้รถยนต์ลงในแพขนานยนต์แล้ว ทั้งที่รู้ว่าน้ำหนักรถยนต์บรรทุกสิบล้อมากเกินไป นายผลคนขับแพขนานยนต์ก็ได้ขับออกจากท่าฝั่งหัวเขาแดงจนเป็นเหตุให้แพขนานยนต์เกิดล่มลงนับได้ว่า เป็นความประมาทของคนขับแพขนานยนต์ด้วย ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า เมื่อรถยนต์บรรทุกสิบล้อลงไปในแพขนานยนต์ทำให้แพขนานยนต์ยุบลงและแพขนานยนต์ยังคาสะพานอยู่ จะทำให้สะพานยุบลงด้วย แพขนานยนต์จะยุบตามและล่ม ซึ่งอาจเกิดความเสียหายมากถานายผลไม่ขับออกจากฝั่งนั้น ก็เป็นเพียงความคิดของจำเลยเพราะถ้าแพขนานยนต์ล่มที่ท่าอาจเสียหายน้อยกว่าก็ได้ เพราะแพขนานยนต์ล่มที่ท่าซึ่งติดกับฝั่ง สามารถที่จะจัดการบรรเทาความเสียหายได้สะดวกกว่าที่แพขนานยนต์ล่มระหว่างที่อยู่ในทะเลระหว่างท่าทั้งสอง ข้ออ้างดังกล่าวไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
ฎีกาจำเลยที่ว่ารถยนต์กระบะของโจทก์ยังใหม่ไม่จำเป็นต้องเคาะพ่นสีทั้งคันอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน และค่าเสื่อมสภาพสูงมากเกินไปนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาหลายรายการ ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าเกินความจำเป็นจึงพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้บางรายการโดยลดค่าเสียหายลง แล้วกำหนดค่าเคาะพ่นสีซ่อมฝากระโปรงหน้า บังโคลนซ้ายขวา เปลี่ยนยางกันชน ตะแกรงและหน้ากากด้านหน้าเป็นเงิน 20,000 บาท ค่าซ่อมเครื่องยนต์ 15,000 บาท และค่าเสื่อมราคา 40,000 บาท โดยกำหนดตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นและความร้ายแรงแห่งละเมิดที่รถยนต์กระบะของโจทก์ถูกรถยนต์คันอื่นกระแทกตกลงไปในทะเลนับว่าเป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน