คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารมีนิติสัมพันธ์กันตามลักษณะฝากทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673 ผู้ฝากเงินจะถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้ และธนาคารผู้รับฝากจะส่งคืนเงินก่อนถึงเวลานั้นก็ไม่ได้ดุจกัน แต่เมื่อผู้ฝากเงินตาม ธนาคารมีหน้าที่ต้องคืนเงินนั้นให้แก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 วรรค 2
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659
ผู้จัดการมรดกของผู้ฝากเงินตามคำพิพากษาของศาลขอถอนเงินของผู้ฝากคืนจากธนาคาร ธนาคารขอผัดคืนเงินนั้นใน 1 เดือน เพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ โดยธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่ สมควรแก่กรณีโดยสุจริต ไม่ได้โต้แย้งสิทธิของผู้จัดการมรดก จึงไม่เป็นการผิดสัญญาหรือเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกตามคำพิพากษาของศาลมีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมาย คำพิพากษาตั้งผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล ไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 (1) (2) และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (1), 245, 274 จึงไม่ผูกพันธนาคารผู้รับฝากเงินของเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุคคลภายนอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของพระยาศรีวิกรมาฑิตย์ ขอเบิกเงินของพระยาศรีวิกรมาฑิตย์ที่ฝากอยู่ในธนาคารจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมจ่าย อ้างว่าจะจ่ายเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ ๑ เดือน เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินฝากยี่สิบล้านบาทแก่โจทก์ ให้จำเลยร่วมกันชำระดอกเบี้ยร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปี ในเงินจำนวนนี้นับแต่วันฟ้อง ต่างหากจากดอกเบี้ยที่จำเลยที่ ๑ จะต้องเสียตามสัญญารับฝากเงินแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ ๑ แสดงบัญชีทรัพย์ของพระยาศรีวิกรมาทิตย์ รวมทั้งดอกเบี้ยเงินฝากยี่สิบล้านบาทที่ค้างจ่ายแก่โจทก์ ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายสองล้านบาทกับค่าอากรแสตมป์ ๑๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า พระยาศรีวิกรมาฑิตย์มีเงินฝากประจำอยู่กับธนาคารจำเลยยี่สิบล้านบาท พร้อมที่จะจ่ายให้ผู้มีสิทธิรับแทนโดยชอบด้วยกฎหมายทันที ธนาคารจำเลยได้กระทำโดยสุจริตมิให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ หรือช่วยฝ่ายคัดค้าน มิได้ประมาทเลินเล่อ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ การที่ธนาคารมีมติให้จ่ายเงินโจทก์เมื่อพ้นกำหนด ๑ เดือนนับแต่ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก มิได้เป็นการกระทำส่วนตัวของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นฟังว่า ธนาคารจำเลยต้องระมัดระวังผลได้ผลเสียในกรณีที่ทายาทของผู้ฝากเงินยังพิพาทในศาล ธนาคารจำเลยไม่ได้ปฏิเสธการเปลี่ยนบัญชีหรือการจ่ายเงินแก่โจทก์โดยเด็ดขาด เพียงขอเวลาพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ของธนาคาร แต่โจทก์ฟ้องเสียก่อน ธนาคารจำเลยได้นำเงินมาวางศาลและให้โจทก์รับไป ไม่มีหลักฐานส่อว่าธนาคารจำเลยไม่มีเงินหรือช่วยผู้คัดค้าน ไม่พอฟังว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำขอให้จำเลยที่ ๑ แสดงบัญชีทรัพย์สินของพระยาศรีวิกรมาฑิตย์ ปรากฏว่า จำเลยที่ ๑ นำเงินมาวางศาลและแสดงบัญชีแล้ว และจำเลยยอมให้โจทก์รับเงินจากศาลคำขอข้อนี้ยุติ ปัญหาเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดที่ไม่จ่ายเงิน เห็นว่า พฤติการณ์ยังไม่แน่นอนว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิเด็ดขาดในอันที่จะจัดการมรดกแต่ฝ่ายเดียว กรณีเข้าลักษณะมาตรา ๒๐๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่จำเลยเลือกปฏิบัติตามมาตรา ๓๓๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ เป็นการชอบแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พระยาศรีวิกรมาฑิตย์ได้ทำสัญญาฝากเงินไว้กับธนาคารจำเลยที่ ๑ จึงมีนิติสัมพันธ์ตามลักษณะฝากทรัพย์ คือ ผู้ฝากเงินจะถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้และธนาคารผู้รับฝากจะส่งเงินคืนก่อนถึงเวลานั้นไม่ได้ตามมาตรา ๖๗๒ ธนาคารมีหน้าที่ต้องคืนเงินเมื่อสัญญาฝากเงินถึงกำหนดแก่ผู้ฝาก แต่เมื่อผู้ฝากวายชนม์ ธนาคารมีนห้าที่ต้องคืนเงินให้แก่ทายาทตามมาตรา ๖๖๕ วรรค ๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาของศาลที่ให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกนั้น คำพิพากษามีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ไม่มีผลผูกพันธนาคารผู้รับฝากซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพราะไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นของมาตรา ๑๔๕ (๑) (๒) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คำพิพากษาตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกไม่ใช่คำพิพากษาที่เกี่ยวด้วยฐานะของบุคคลหรือความสามารถของบุคคล หรือต้องด้วยมาตรา ๑๔๒ (๑), ๒๔๕ และ ๒๗๔ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นแต่ตั้งโจทก์ให้มีอำนาจจัดการมรดกได้ตามกฎหมายเท่านั้น
ธนาคารมีหน้าที่จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการอาชีวะของธนาคารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๙ ฉะนั้น ธนาคารจะต้องใช้ความระมัดระวังในการคืนเงินรายนี้แก่โจทก์ได้ตามสมควรแก่กรณี ไม่ใช่ต้องคืนเงินทันทีโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง มิฉะนั้นเมื่อเกิดความเสียหาย ธนาคารอาจจะต้องรับผิดตามกฎหมาย การที่ธนาคารขอผัดคืนเงินใน ๑ เดือน เพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์ ทั้งธนาคารมีเงินพร้อมที่จะคืนให้ ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว จึงไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ ไม่เป็นการผิดสัญญาหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน

Share