คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่า “ผู้เอาประกันจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่า จะชดใช้ว่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท เว้นแต่บริษัทมิได้จัดการต่อการเรียกร้องนั้น” มีความมุ่งหมายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยก่อหนี้อันอาจจะส่งผลผูกพันบริษัทผู้รับประกันภัยในการที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลอื่น โดยบริษัทผู้รับประกันภัยไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยเท่านั้น หาใช่เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยหรือเป็นเงื่อนไขที่มีความหมายในการป้องกันหรือห้ามมิให้ผู้เอาประกันสละสิทธิเรียกร้องแก่บุคคลใดอันจะมีผลถึงการรับช่วงสิทธิไล่เบี้ย ของบริษัทผู้รับประกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาประกันภัย รถยนต์ของโจทก์กับจำเลยในระหว่างกำหนดอายุสัญญา รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้ชนกับรถยนต์ของบุคคลอื่นรถยนต์โจทก์เสียหายและเสียค่าซ่อมไปเป็นเงิน 100,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้ว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วผู้ขับขี่รถยนต์โจทก์ได้ตกลงยินยอมกับคู่กรณีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยเป็นการผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยหมวด 1 ข้อ 1.5 การจัดการเรียกร้อง1.5.1 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน20,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ล
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ทางพิจารณาโจทก์จำเลยนำสืบรับตรงกันว่าหลังจากเกิดเหตุแล้วผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุของโจทก์และคู่กรณีอีกฝ่ายได้ตกลงยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจเปรียบเทียบปรับทั้งสองฝ่ายและต่างไม่ติดใจที่จะเรียกร้องซึ่งกันและกันทั้งทางแพ่งและอาญาส่วนรถยนต์โจทก์นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายประเมินราคาของจำเลยเป็นผู้มอบให้บริษัท วี.ซี. เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นผู้ทำการซ่อมแซมแต่เมื่อซ่อมเสร็จแล้ว บริษัทจำเลยไม่ยินยอมชำระค่าซ่อม โจทก์จึงได้ยอมชำระค่าซ่อมเองเป็นเงิน 100,000 บาท จึงสามารถรับรถยนต์คืนมาได้คดีมีประเด็นชั้นฎีกาข้อแรกว่า โจทก์ทำผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยตามที่จำเลยต่อสู้หรือไม่ ศาลฎีกาได้พิจารณาเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยหมวด 1 ข้อ 1.5 การจัดการเรียกร้อง1.5.1 ที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้มีข้อความว่า “ผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอม เสนอ หรือให้สัญญาว่า จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท เว้นแต่บริษัทมิได้จัดการต่อการเรียกร้องนั้น” เห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้หมายถึงกรณีที่มีบุคคลอื่นเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยชดใช้ค่าเสียหาย ผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอ หรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลนั้นโดยไม่ได้รับความยินยอม จากบริษัทจำเลยผู้รับประกันภัยซึ่งเป็นเงื่อนไขที่มีความมุ่งหมายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยก่อหนี้อันอาจจะส่งผลผูกถันบริษัทจำเลยผู้รับประกันภัยในการที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยบริษัทจำเลยไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยเท่านั้น หาใช่เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยหรือเป็นเงื่อนไขที่มีความหมายในการป้องกันหรือห้ามมิให้โจทก์ผู้เอาประกันภัยสละสิทธิเรียกร้องแก่บุคคลใดอันจะมีผลถึงการรับช่วงสิทธิไล่เบี้ยดังที่จำเลยอ้างนั้นไม่ และเมื่อตามข้อเท็จจริงแห่งคดีปรากฏว่าคนขับรถยนต์โจทก์ได้ตกลงกับคู่กรณีโดยต่างฝ่ายต่างสละสิทธิเรียกร้องต่อกัน มิใช่ยินยอม เสนอ หรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลใดตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยอ้างดังนี้ โจทก์จึงไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย…”
พิพากษายืน.

Share