แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจารประการอื่นใดอีกย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราหญิงผู้เสียหายอายุกว่า 13 ปีซึ่งมิใช่ภริยาจำเลย โดยใช้กำลังประทุษร้าย และใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจับข้อมือ ผู้เสียหายกระชากพาจากถนนสาธารณะลงไปในทุ่งนา แล้วกระทำอนาจารกอดปล้ำและผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนละครั้งอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 278, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7, 9
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 278, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ข้อ 7, 9 จำคุกคนละ 10 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริงแล้ววินิจฉัยว่า แต่ที่พิพาทลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจารมาด้วยนั้นเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าจำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียว มิได้มีการกระทำอนาจารประการอื่นใดอีก จำเลยจึงไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 ข้อหาอื่นให้ยกเสียนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์