คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีตามฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท. ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยก็มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท.ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดีจะถือเอาทุนทรัพย์รวมกันเพื่อพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่. ย่อมไม่ได้. ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย ฯลฯ จำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้ง ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายและห้ามโจทก์และบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้ยกฟ้องแย้งจำเลยเสียด้วย จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าฎีกาจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ทุนทรัพย์ตามฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยรวมกันเกิน 5,000 บาท จึงให้รับฎีกาไว้ ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง และเห็นว่าทุนทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์นั้นคือค่าเสียหาย 2,000 บาท รวมกับราคาที่ดินพิพาทราคา 500 บาท เท่านั้น คดีตามฟ้องของโจทก์จึงมีทุนทรัพย์รวมกันไม่ถึง 5,000 บาท ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยจำเลยเรียกค่าเสียหายมา 4,295 บาท และฟ้องแย้งบังคับเอาที่พิพาทราคา 500 บาทนั้นด้วย จึงรวมเป็นทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้ง 4,795 บาทยังไม่ถึง 5,000 บาท ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดี จึงถือเอาทุนทรัพย์จากสองคดีนี้รวมกันไม่ได้ในการที่จะพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่ พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย ไม่รับวินิจฉัยให้.

Share