แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์. จำเลยได้ต่อสู้ว่าจำเลยได้ชำระต้นเงินให้โจทก์ครบแล้ว. โจทก์ออกใบเสร็จให้แก่จำเลยไว้เป็นหลักฐาน. ฉะนั้นการที่จำเลยขอสืบพยานบุคคลในข้อที่ว่า. ใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยหายไป 6 ฉบับ. จึงไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี.เพราะประเด็นแห่งคดีมีว่า จำเลยได้ชำระต้นเงินให้แก่โจทก์ครบตามคำให้การโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ซึ่งจำเลยได้ให้การไว้แล้วหรือไม่. จำเลยจึงไม่ต้องยกข้อเท็จจริง.ที่ว่า ใบเสร็จที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยได้หายไปไว้ในคำให้การ. เพราะเป็นวิธีการนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสารที่หายตามกฎหมายวิธีสบัญญัติ. เมื่อหลักฐานที่ต่อสู้ได้หายไป จำเลยมีสิทธิขออนุญาตศาลนำพยานบุคคลมาสืบแทนเอกสารที่หายไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2). โดยกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่า จำเลยจะต้องขออนุญาตศาลเมื่อใด. คดีนี้ เมื่อศาลสืบตัวจำเลยแล้ว. จำเลยแถลงขอสืบพยานจำเลยต่อไปในเรื่องใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยไว้หายไป 6 ฉบับ. ถือได้ว่าจำเลยขออนุญาตสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารที่หายไปตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลย ชำระเงินที่จำเลยกู้โจทก์ไปพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 6,956 บาท ฯลฯ จำเลยให้การว่า ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินให้จำเลยไว้เป็นหลักฐานฯ ศาลให้จำเลยสืบก่อน เมื่อสืบตัวจำเลยเสร็จ จำเลยขอสืบพยานอีก 2 คนในเรื่องใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้จำเลย 6 ฉบับหายไป ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยไม่ได้ยกประเด็นในข้อที่ว่า ใบเสร็จที่โจทก์ออกให้ไว้หายไป จะสืบข้อนี้ไม่ได้โจทก์ไม่นำสืบและแถลงรับว่า ใบเสร็จ 2 ฉบับที่จำเลยอ้างและส่งศาล เป็นใบเสร็จรับชำระต้นเงินคืนจากจำเลย 1,000 บาท คงค้างต้นเงิน 3,000 บาทกับดอกเบี้ยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้นดังกล่าวและดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยขอสืบพยานบุคคลในข้อที่ว่าใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยหายไป 6 ฉบับนั้น ไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ประเด็นของคดีมีว่า จำเลยได้ชำระต้นเงินให้แก่โจทก์ครบตามคำให้การ โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ซึ่งจำเลยได้ให้การไว้แล้วหรือไม่ จำเลยจึงไม่ต้องยกข้อเท็จจริงที่ว่า ใบเสร็จที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยได้หายไปไว้ในคำให้การเพราะเป็นวิธีการนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสารที่หาย ตามกฎหมายวิธีสบัญญัติต่อไป เมื่อจำเลยได้ต่อสู้ว่า จำเลยได้ชำระต้นเงินให้แก่โจทก์ครบแล้ว โจทก์ออกใบเสร็จให้แก่จำเลยไว้เป็นหลักฐานแล้ว เมื่อหลักฐานที่ต่อสู้ได้หายไป ดังนี้ จำเลยมีสิทธิจะขออนุญาตศาลนำพยานบุคคลมาสืบแทนเอกสารที่หายไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) โดยกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่า จำเลยจะต้องขออนุญาตศาลเมื่อใดคดีนี้ เมื่อศาลสืบตัวจำเลยเสร็จแล้ว จำเลยได้แถลงขอสืบนายแสวงและนายวิชัยต่อไปในเรื่องใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยไว้หายไป 6 ฉบับถือได้ว่าจำเลยได้ขออนุญาตสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารที่หายไปตามบทกฎหมายที่กล่าวแล้วและตามรูปคดีนี้ สมควรอนุญาตให้จำเลยสืบพยานบุคคลได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบนายแสวงและนายวิชัยพยานของจำเลย และสืบพยานโจทก์ต่อไป เสร็จแล้วให้พิพากษาใหม่ตามรูปคดี.