แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีจำเลยกับจำเลยปลูกร้านในที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินฯ. โจทก์ขอเช่าจากจำเลย. ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์รื้อร้าน. แล้วปลูกเรือน 2 ชั้นขึ้นตรงที่ปลูกร้านนั้นเป็นบ้านพักของโจทก์. พร้อมกับปลูกเรือนชั้นเดียวติดกับเรือน 2 ชั้น โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย. ดังนี้ เรือน 2 ชั้นกับเรือนพิพาทต้องถือว่าเป็นของโจทก์ตั้งแต่โจทก์ปลูก. เหตุที่ปลูกในที่ดินที่จำเลยเช่า. ก็ไม่ทำให้เรือนตกเป็นของจำเลย. แม้เอกสารยกบ้านให้โจทก์จะไม่มีผลเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทให้โจทก์. ก็หากระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ในเรือนพิพาทไม่. หนังสือสัญญาเช่าร้านเดิมที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยย่อมสิ้นผลไป. เพราะร้านอันเป็นวัตถุแห่งการเช่าไม่มีอยู่.
ใบเสร็จรับเงินระบุว่าเป็นค่าเช่าบ้าน. โจทก์ย่อมนำสืบความจริงได้ว่าเป็นค่าเช่าที่ดิน. โดยไม่ต้องมีหลักฐานการเช่าที่ดินมาแสดง. เพราะโจทก์มิได้นำสืบเพื่อขอให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยตกลงกันรื้อร้านที่โจทก์เช่าจากจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ที่จำเลยเช่าจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แล้วจำเลยให้โจทก์เช่าที่ 25 ตารางวา ตรงที่ปลูกร้านเป็นที่ปลูกบ้านใหม่ โจทก์ปลูกบ้านโดยใช้เงินของโจทก์ ทะเบียนเลขที่ 90บ้านนี้จึงเป็นของโจทก์ แต่เพื่ออำพรางการเช่าที่ดิน เพราะจะเป็นการเช่าช่วงทำให้จำเลยผิดสัญญาต่อทรัพย์สินฯ จำเลยจึงทำหลักฐานยกบ้านให้โจทก์ กับออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าที่ดินเป็นรับเงินค่าเช่าบ้าน จำเลยจะเอาบ้านของโจทก์เป็นของจำเลย และจะขับไล่โจทก์ขอให้พิพากษาว่าบ้านเลขที่ 90 เป็นของโจทก์ ให้จำเลยจดทะเบียนการยกให้ ฯลฯ จำเลยให้การว่า โจทก์เช่าร้านเล็ก ๆ ของจำเลย ไม่เคยตกลงให้โจทก์เช่าช่วงที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้านพิพาทใหม่ ร้านคับแคบจึงยอมให้โจทก์อาศัยที่ดินปลูกบ้านขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่งเป็นบ้าน2 ชั้น โจทก์รื้อร้านค้าเดิมของจำเลยมาปลูกใหม่ใกล้กับบ้านที่โจทก์ปลูกใหม่ ร้านที่ปลูกใหม่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย บ้านที่โจทก์ปลูกใหม่เป็นคนละหลังกับร้านจำเลย มิได้ขอเลขทะเบียนบ้านแต่อาศัยใช้เลขทะเบียนร้านของจำเลยเลขที่ 90 ร่วมกัน ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เรือนพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ความว่า สามีจำเลยเช่าที่ดินทรัพย์สินฯแล้วสามีจำเลยกับจำเลยปลูกร้านในที่ดิน ต่อมา พ.ศ. 2489 โจทก์ขอเช่า พ.ศ. 2491 โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์รื้อร้านแล้วปลูกเรือน2 ชั้นขึ้นตรงที่ปลูกร้านนั้นเป็นบ้านพักของโจทก์ พร้อมกับปลูกเรือนชั้นเดียวติดกับเรือน 2 ชั้น ทางตะวันตกของเรือน 2 ชั้นโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โจทก์จำเลยโต้เถียงกันเฉพาะในปัญหาว่า เรือนชั้นเดียวเป็นของโจทก์หรือของจำเลย ส่วนเรือน 2 ชั้น จำเลยยอมรับว่าเป็นของโจกท์ ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์สร้างเรือนพิพาทเป็นของโจทก์เองไม่ได้สร้างให้จำเลยแทนร้านเดิม วินิจฉัยว่า เรือน 2 ชั้นกับเรือนพิพาทต้องถือว่าเป็นของโจทก์ตั้งแต่โจทก์ปลูก ไม่เคยเป็นของจำเลย เหตุที่ปลูกในที่ดินที่จำเลยเช่ามา ก็ไม่ทำให้เรือนตกเป็นของจำเลย แม้เอกสารหมาย จ.4 คือ เอกสารยกบ้านเลขที่ 90 ให้โจทก์จะไม่มีผลเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทให้แก่โจทก์ ก้หากระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ในเรือนพิพาทไม่ หนังสือสัญญาเช่าร้านเดิมที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยย่อมสิ้นผลไป เพราะร้านอันเป็นวัตถุแห่งการเช่าไม่มีอยู่แล้ว ตามที่จำเลยคงเก็บค่าเช่าจากโจทก์ต่อมา และระบุในใบรับเงินว่าเป็นค่าเช่าบ้านนั้น ไม่อาจใช้ยันโจทก์ได้ว่าเป็นค่าเช่าบ้านเพื่อแสดงว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ย่อมนำสืบความจริงได้ว่าค่าเช่านั้นเป็นค่าเช่าที่ดินโดยไม่ต้องมีหลักฐานการเช่าที่ดินมาแสดง เพราะโจทก์มิได้นำสืบเพื่อขอให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง พิพากษายืน.