คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4116/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรณีที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะสัญญาจ้างสิ้นสุดระยะเวลาการจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 วรรคท้าย นั้นจะต้องเป็นการจ้างเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร เป็นไปตามฤดูกาลหรือเป็นงานตามโครงการ งานหลักของจำเลยคืองานผลิตต้นคริสต์มาสประดิษฐ์ จำเลยให้โจทก์ทำงานในฝ่ายผลิตต้นคริสต์มาส ในสายงานหลักของจำเลยและลักษณะงานที่โจทก์ทำไม่แตกต่างไปจากงานของลูกจ้างที่จำเลยจ้างไว้ทำตลอดปี กระบวนการผลิตของจำเลยมีต่อเนื่องกันไปตลอดปี ลักษณะของงานที่จำเลยจ้างโจทก์ทำนั้นเป็นงานที่มีลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยตลอด ดังนั้นแม้จำเลยจะให้โจทก์ทั้งสามหยุดงานเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้างก็หาเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามหมดสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่.

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณากับคดีอื่นอีกหนึ่งสำนวน ซึ่งโจทก์ถอนฟ้องในระหว่างพิจารณา โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสามสำนวนนี้ว่าโจทก์ที่ 2 ถึงโจทก์ที่ 4 ตามลำดับ
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามโดยไม่ปรากฏสาเหตุไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ทั้งสามคนละ 1,200 บาท จ่ายค่าชดเชยคนละ 3,000 บาท และจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 คนละ 11,000 บาทโจทก์ที่ 4 จำนวน 16,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสามเพราะจำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจรเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นงานตามโครงการนอกจากนี้สัญญาจ้างระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยเป็นสัญญาที่กำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน เมื่อระยะเวลาจ้างสิ้นสุดลงสัญญาก็สิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างและจำเลยไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสามเป็นเงินคนละ 3,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า การจ้างโจทก์ทั้งสามได้ทำเป็นหนังสือโดยมีกำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของการจ้างไว้การที่โจทก์ทั้งสามออกจากงานเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้าง จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยดังที่บัญญัติไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 46 วรรคท้าย ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะสัญญาจ้างสิ้นสุดระยะเวลาการจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 วรรคท้ายนั้น จะต้องเป็นการจ้างเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวเป็นการจร เป็นไปตามฤดูกาลหรือเป็นงานตามโครงการด้วย ดังนั้นปัญหาวินิจฉัยจึงอยู่ที่ว่างานที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามทำนั้น เป็นงานที่มีลักษณะเป็นครั้งคราวเป็นการจร เป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นงานตามโครงการหรือไม่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า งานหลักของจำเลยคืองานผลิตต้นคริสต์มาสประดิษฐ์ จำเลยให้โจทก์ทั้งสามทำงานในฝ่ายผลิตต้นคริสต์มาสในสายงานหลักของจำเลยและลักษณะงานที่โจทก์ทั้งสามทำไม่แตกต่างไปจากงานของลูกจ้างที่จำเลยจ้างไว้ทำตลอดปี กระบวนการผลิตของจำเลยมีต่อเนื่องกันไปตลอดปี จากข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาดังกล่าว เห็นได้ว่า ลักษณะของงานที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามทำนั้น ไม่มีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจรเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นงานตามโครงการแต่เป็นงานที่มีลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยตลอด ดังนั้น แม้จำเลยจะให้โจทก์ทั้งสามหยุดงานเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้าง ก็หาเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามหมดสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่ ที่ศาลแรงงานกลางให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสามจึงชอบแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน.

Share