คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้เสียหาย จำเลยหึงหวงผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีจึงฉวยอาวุธปืนออกมายิงผู้เสียหายแล้วนำไปมอบแก่เจ้าพนักงานตำรวจแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาครอบครองอาวุธปืนของกลาง จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4,7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่21 ตุลาคม 2529 ข้อ 6 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ลงโทษจำคุก 10 ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคสามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 6 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 10 ปี 6 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มอบตัวต่อเจ้าพนักงานอันเป็นกรณีลุแก่โทษและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและเหตุอื่นคือพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายปฏิบัติต่อจำเลยแล้ว เห็นควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 5 ปี3 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคสามนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นนี้มีตามฎีกาของโจทก์เพียงว่าจำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

Share