คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมทั้งสองเดินผ่านสวนของจำเลยออกไปทางช่องว่างข้างประตูหน้าบ้านของจำเลยในเวลาดึกมากแล้ว โดยไม่ได้ร้องบอกให้จำเลยทราบว่า โจทก์ร่วมที่ 1 กับพวกขออาศัยเดินผ่าน ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยสำคัญผิดว่าโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์แล้วกำลังพาเอาทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยยิงโจทก์ร่วมทั้งสองในขณะที่โจทก์ร่วมทั้งสองเดินห่างจากประตูรั้วหน้าบ้านของจำเลยไปแล้วประมาณ 35 เมตร จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิด จำเลยยิงโจทก์ร่วมทั้งสองในระยะไกลประมาณ 35 เมตรกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ 1 ที่ขาด้านหลังทั้งสองข้าง แสดงว่าจำเลยเล็งยิงระดับต่ำเพื่อให้ถูกขาคนร้ายให้ได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น มิได้มีเจตนาฆ่า แม้กระสุนปืนจะกระจายไปถูกที่สะโพกและรักแร้ของโจทก์ร่วมที่ 1 และท้องแขนขวาของโจทก์ร่วมที่ 2 ด้วยก็ไม่ปรากฏว่าฝังลึกเข้าไปถึงอวัยวะสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 62,69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2531 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายวินัย แก้วน้ำและนายสิทธิชัยหรือปี๊ด เรืองสวัสดิ์ ผู้เสียหาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายวินัยที่บริเวณรักแร้และขา และถูกนายสิทธิชัยที่บริเวณท้องแขนซึ่งไม่ใช่อวัยวะสำคัญ จึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายวินัย แก้วน้ำ และนายสิทธิชัยเรืองสวัสดิ์ ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ประกอบมาตรา 62, 69 จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางให้คืนจำเลย
โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่โจทก์ร่วมทั้งสองเดินผ่านสวนของจำเลยออกไปทางช่องว่างข้างประตูหน้าบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนดึกมากแล้วโดยไม่ได้ร้องบอกให้จำเลยทราบว่าเป็นโจทก์ร่วมที่ 1 กับพวกขออาศัยเดินทางผ่านย่อมเป็นเหตุให้จำเลยสำคัญผิดว่าโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ของจำเลยในสวนแล้วกำลังพาเอาทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยยิงโจทก์ร่วมทั้งสองในขณะที่โจทก์ร่วมเดินห่างจากประตูรั้วหน้าบ้านของจำเลยไปแล้วประมาณ 35 เมตร จึงเป็นการป้องกันทรัพย์สินของจำเลยโดยสำคัญผิดซึ่งเกินสมควรแก่เหตุ มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าหรือมีเจตนาทำร้าย เห็นว่า จำเลยยิงโจทก์ร่วมทั้งสองในระยะไกลประมาณ 35 เมตร และกระสุนปืนถูกที่ขาด้านหลังทั้งสองข้างของโจทก์ร่วมที่ 1 แสดงว่าจำเลยเล็งยิงระดับต่ำเพื่อจะให้ถูกเพียงขาของคนร้ายได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น มิได้เจตนาที่จะฆ่าให้ตาย แม้กระสุนปืนจะกระจายไปถูกที่สะโพกและรักแร้ของโจทก์ร่วมที่ 1 และท้องแขนขวาของโจทก์ร่วมที่ 2 ด้วย ก็ไม่ปรากฏว่าฝังลึกเข้าไปถึงอวัยวะสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 62, 69
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share